About
Table of Contents
Comments

  เวลา 21.00 น. ณ หอพักนักเรียนหญิง ฮิงไฮสคูล โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โรงเรียนประจำขนาดเล็ก สำหรับผู้ปกครองกระเป๋าหนัก หนักมาก ไปจนถึงหนักพิเศษ ซึ่งอยากถลุงเงินเล่นด้วยการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในระบบติวเข้ม ชนิดที่หากสอบได้เกรดไม่ถึงเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนตั้งไว้สูงลิบล่ะก็ มันผู้นั้นจะต้องรับผลกรรมเรียนซ้ำชั้นเป็นเด็กโข่งไปชั่วชีวิต

  “ มิยู ลงมาเถอะ ถ้าอาจารย์ประจำหอมาเห็นเราจะซวยทั้งคู่นะ ” เรียวโกะ นักเรียนหญิงร่างบาง เจ้าของผมปล่อยยาวถึงกลางหลัง ในชุดนอนแบบกระโปรงสีชมพูหวานแหวว ลูกสาวโทนของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าชุดดำหน้าโหดประจำมหานครโตเกียว ปีนโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กภายในห้องพัก แข้งขาสั่น แล้วค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง ร้องเรียกเพื่อนสาวคนสนิท แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับมาจากบนนั้น

  ...บนหลังคาหอพักเหนือห้องของพวกเธอที่อยู่ชั้น 3 ชั้นบนสุดอันเอื้อต่อพฤติกรรมประหลาดพิลึกพิลั่นตามความคิดเห็นของคนอื่น แต่สุดแสนจะธรรมดาสำหรับ มิยู สาวน้อยผมหางม้าเลือดนินจาเข้มข้น ที่กำลังประท้วงเพื่อนสาวไม่รู้ภาษา ซึ่งไม่ยอมหยุดพูดเรื่องของคนบางคนที่เธอไม่อยากได้ยิน

  “ ฉันจะเลิกพูดถึงเรื่องนี้ที่มันขัดรูหูเธอก็ได้ ลงมาสักทีเถอะ ” เรียวโกะซึ่งรู้วิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว ชะโงกหน้าออกไปพูดอีกครั้ง พร้อมกับพยายามระงับอาการปากคอสั่นจากโรคกลัวความสูงไปด้วย

  “ แน่นะ ? ” เสียงถามย้ำของมิยูดังขึ้นตามคาด

  “ แน่ซะยิ่งกว่าที่นินจาอย่างเธอไม่มีวันตกจากหลังคาเสียอีก อย่ามัวฟอร์มมาก ลงมาได้แล้วนะมิยู ฉันง่วงจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะยะ แล้วก็กลัวความสูงด้วย เธอก็รู้นี่ ! ”

  คำพูดของเรียวโกะ ทำให้มิยูยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะยอมลงมาจากหลังคาหอพักสุดไฮโซของโรงเรียน ปีนหน้าต่างกลับเข้ามาในห้องอย่างคล่องแคล่ว แล้วรีบเข้าไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียงนอนชั้นบนของตัวเอง ภายในห้องอันประกอบไปด้วยเตียง 2 ชั้น โต๊ะเขียนหนังสือ 2 ตัว ตู้เสื้อผ้า 1 ตู้ คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ตู้เย็นขนาดเล็ก 1 ตู้ และห้องน้ำส่วนตั๊ว ส่วนตัว

  ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก...

  เข็มนาฬิกายังคงเดินหน้าอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดก็ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่ อันเป็นเช้าวันแรกของการเปิดเทอมสำหรับนักเรียน ทั้งประจำและไป – กลับของโรงเรียนฮิงไฮสคูล

  สองสาวเรียวโกะ — มิยู รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ทันทีที่เสียงกริ่งแหลมเล็กแสบแก้วหูดังปลุก โดยมีเสียงของอาจารย์รุ่นคุณป้า ซึ่งผลัดเวรกันนั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดแต่ละตัวภายในหอพัก ดังผ่านลำโพงคอยควบคุมนักเรียนสาวทั้งหลายตลอดเวลา กระทั่งทุกคนพร้อมในชุดนักเรียน จึงมีการเปิดประตูหอพัก เพื่อให้นักเรียนได้ออกไปรับประทานอาหารเช้าที่โรงอาหารของโรงเรียน ในเวลาประมาณ 7 นาฬิกาของทุกวัน ส่วนช่วงเวลาหลังมื้อเช้าก่อนเข้าเรียน ถือเป็นเวลาส่วนตัวให้นักเรียนแต่ละคนได้ทำกิจกรรมตามอัธยาศัย และเรียวโกะกับมิยูก็มีโปรแกรมจะต้องไปรอรับเพื่อนสาวร่วมแก๊งอีกคน ซึ่งเป็นนักเรียนประเภทไป – กลับของโรงเรียน เหมือนเช่นทุกเช้าของภาคเรียนก่อนๆ ที่ผ่านมา

  “ อาโออิ ทางนี้ๆ ! ” เรียวโกะกระโดดโบกมือเหยงๆ ทักเป้าหมาย ซึ่งกำลังเดินเข้ามาที่หน้าตึกเรียน 3 ชั้น สำหรับนักเรียนไฮสคูลปี 1 ประจำภาคเรียนใหม่ ภายในโรงเรียนเอกชนขนาดเล็ก อันประกอบไปด้วย 3 ตึกเรียน และ 2 โรงอาหาร สำหรับนักเรียน 6 ระดับชั้นแบบจำกัดจำนวน โดยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นพวกลูกมหาเศรษฐีกระเป๋าหนัก และบางส่วนเป็นลูกของผู้มีรายได้ดีเป็นระยะๆ อย่างเซลล์ และหัวหน้าแก๊งยากูซ่าท้องถิ่น

  “ อรุณสวัสดิ์เรียวโกะ มิยู ” เจ้าของผมหยักศกปล่อยยาวเคลียบ่า ยิ้มทักสองสาว

  ...เธอคือ อาโออิ สาวน้อยเจ้าของรางวัลเรียนดีระดับเหรียญทอง เพื่อนสนิทของมิยูตั้งแต่เรียนชั้นประถม และเมื่อเข้าเรียน ม.ต้นที่นี่ เธอก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเรียวโกะอีกคน

  “ พวกเธอเนี่ยไม่คิดจะเปลี่ยนทรงผมกันบ้างหรือไง ดูอย่างฉันสิ... เป็นไง เกล้าผมขมวดเป็นจุก ติดกิ๊บ ปล่อยปลายผมให้ยุ่งหน่อยๆ แล้วก็ใช้หวีหางเขี่ยผมที่สไลด์ข้างนี่ให้ตกลงมาน้อยๆ ” เรียวโกะหมุนตัวโชว์

  สามสาวอยู่ในชุดนักเรียนฮิงไฮสคูล เชิ้ตขาวแขนยาวกับโบว์เชือกเส้นเล็กสีฟ้าอ่อน สูทสีเทาแก่กับ กระโปรงสีเทาแก่จีบรอบตัว เอวกระโปรงกว้าง 3 นิ้ว คล้ายสนับสนุนให้นักเรียนหญิงทุกคนหน้าท้องแบนราบ ส่วนถุงเท้ายาวสีขาวกับรองเท้าคัทชูสีดำเป็นแบบธรรมดา เหมือนโรงเรียนทั่วไป สิ่งที่แตกต่างของบรรดานักเรียนหญิงแต่ละคน จึงมีเพียงทรงผมที่ทางโรงเรียนให้อิสระ จะสั่งห้ามก็แต่เรื่องการเปลี่ยนสีผมเท่านั้น

  “ ใครจะไปเสียเวลานั่งรากงอกประดิดประดอย แค่รวบๆ ขึ้นไปให้มันไม่ปิดหน้าปิดตาก็พอแล้ว ” มิยู เจ้าของทรงผมหางม้าตลอดกาล กอดอกพูดเสียงเรียบ ขณะที่อาโออิได้แต่อมยิ้มกับผมทรงใหม่ของอดีตเจ้าของผมแกละยุ่งๆ เมื่อเทอมก่อน

  “ ย่ะ ! เพราะมัวขี้เกียจสวย แล้วก็เอาแต่ปั้นหน้าเหม็นบูด ถึงไม่มีหนุ่มที่ไหนกล้าจีบ แม่สาวนินจาผมทรงซามูไร ” เรียวโกะยื่นหน้าเข้าไปหยอก หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พูด เสียดแทงหัวใจแข็งนอกแต่อ่อนในของมิยูเข้าเต็มๆ

  “ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ไม่มีใครมาจีบก็ไม่เห็นต้องแคร์ วันหลังอย่ามาเรียกฉันแบบนี้อีก ! ” มิยูเสียงขุ่นขึ้นมาทันที ก่อนจะกระแทกเท้าขึ้นตึกเรียน 3 ชั้นของตัวเองไปแบบไม่สงสารส้นรองเท้า ทำเอาเรียวโกะผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวยืนงงเป็นไก่ตาแตก

  เอ่อ... แต่ก็คงดีกว่าปากแตก เพราะเจอหมัดฮุกซ้ายของมิยูนั่นแหละนะ

  “ ฉันพูดอะไรผิดไปเหรออาโออิ ? ” เรียวโกะหันไปถามอาโออิ ตามองมิยูที่เดินขึ้นตึกไปคนเดียวพลางเกาหัวแกรกๆ

  “ เธอพูดไม่ผิดหรอกเรียวโกะ ทั้งถูกแล้วก็แทงใจดำแผลเก่าของมิยูเต็มๆ เลย ” อาโออิตอบ แล้วเดินเร็วตามเพื่อนสาวนินจาขึ้นบันไดตึกไปด้วยความเป็นห่วง

  “ แผลเก่างั้นเหรอ ? ” เรียวโกะพึมพำกับตัวเองอย่างงงๆ และรีบเดินตามอาโออิขึ้นตึกไปอีกคน

  มิยูเดินกระแทกเท้าขึ้นมาบนตึกเรียน กระทั่งมาถึงหน้าห้องปี1B ซึ่งอยู่บนชั้น 3 แต่ขณะที่เธอกำลังจะก้าวเข้าไปอวดหน้าบูดๆ กับเพื่อนใหม่และเก่าในห้อง นักเรียนชายคนหนึ่งก็เดินสวนออกมาชนิดแทบชนประสานงากัน

  อีตาบ้านี่จะรีบไปตายที่ไหนนะ... มิยูนึกเคือง กิริยาก้มหน้าทำให้เธอต้องมองสำรวจเขา ตั้งแต่รองเท้าหนังมันเงาจนแทบจะใช้ส่องหน้าแทนกระจกได้ กางเกงขายาวสีเทาแก่ เชิ้ตขาวผูกไทค์สีฟ้าอ่อน สวมทับด้วยเสื้อนอกสีเทาแก่ ไล่ขึ้นไปถึงใบหน้ากวนๆ ที่เหมือนจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนแฝงอยู่ เมื่อเห็นเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา

  ...คิ้วดกๆ แบบนี้ นัยน์ตากลมโตแบบนี้ จมูกโด่งๆ แบบนี้ ทั้งหมดทั้งปวงของใบหน้าที่ได้เห็น เธอจำได้ติดตา ถึงแม้จะพยายามหลบ เอ้ย ! หนีหน้าเขามาตลอด 3 ปีในรั้วมัธยมต้น แต่วันนี้ นับตั้งแต่เวลานี้เธอต้องกลับมาเรียนร่วมห้องกับเขา และคงต้องเรียนร่วมห้องกันไปตลอด 3 ปีในรั้วไฮสคูล กับผู้ชายคนที่เธอเกลียดที่สุด คนเดียวกับที่เรียวโกะพูดถึงเมื่อคืน คนที่เธอไม่อยากได้ยินแม้แต่ชื่อ จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาทุกครั้ง

  “ ไง ! เจอกันจนได้นะ ” เขาเป็นฝ่ายทักเธอก่อนพร้อมรอยยิ้มดีใจ แต่สำหรับเธอมันตรงข้าม

  “ ถอยไป ! ” มิยูผลักเขากระเด็นไปกระแทกขอบประตู จากนั้นก็กระแทกเท้าเข้าไปในห้อง โดยไม่สนใจว่าเขาจะจุกหรือเจ็บตรงไหนบ้าง

  “ เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิกจริงๆ สินะ ” เขาพึมพำกับตัวเอง แววตาหม่นลง ขณะมองตามหลัง ‘ เธอ ’ ซึ่งเดินไปนั่งโต๊ะตัวที่ตรงกับเลขที่ และยังคงกระแทกนั่นนี่ไม่เว้นแม้แต่ก้นแบนๆ ของตัวเอง

  “ อ้าว ! เคียวไม่เจอกันนานเลยนะ ”

  เสียงร้องทักทำให้เจ้าของชื่อจำต้องหันไปหาต้นเสียงที่กำลังเดินเข้ามา เธอคือ อาโออิ เพื่อนเก่าสมัยเรียนประถมที่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ห้องเดียวกันอีก ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ทำหน้าบูดๆ ใส่เขาคนเมื่อกี๊นั่นแหละ

  “ อรุณสวัสดิ์ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะอาโออิ ตรงข้ามกับแฟนยูคิเลย จำเกือบไม่ได้แน่ะ ” เขายิ้มทักสองสาวที่เดินเข้ามา ก่อนที่อาโออิจะกลายเป็นฝ่ายเอ่ยปากแซวพวกเดียวกันเสียเอง

  “ แล้วถ้ายูคิคุงเกิดจำเธอไม่ได้ขึ้นมา จะทำยังไงล่ะเรียวโกะ ? ”

  “ ไม่มีทาง เพราะเดทกับเขาคราวก่อน ฉันก็ทำผมทรงนี้ไป ยูคิยังบอกว่าเหมาะกับฉันเลย ” เรียวโกะตอบคำถาม ดี๊ด๊าออกนอกหน้า เมื่อพูดถึงแฟนหนุ่มนายแบบ จนอาโออิและเคียวอดอมยิ้มไม่ได้

  ...และเพราะมัวยืนคุยกันหน้าห้อง จึงไม่มีใครสังเกตเห็นมิยูซึ่งเข้าไปนั่งหน้าบูดอยู่ก่อน ว่ากำลังบูดแสนบูดยิ่งกว่าเดิม

  “ ที่มายืนยิ้มเยาะค้ำหัวฉันนี่ หมายความว่ายังไง ! ” มิยูกระแทกเสียงถามฉุนๆ ตาจ้องมองบุคคลตรงหน้าอย่างโกรธๆ

  ...เจ้าของใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาเป็นประกายเจิดจ้า ปากนิดจมูกหน่อย ดูจิ้มลิ้มน่ารัก แต่ไม่ใช่สำหรับมิยู ในเมื่อยัยจิ้มลิ้มนี่เคยประกาศตัวเป็นมารหัวใจของเธอ ถึงเรื่องจะนานมาแล้ว แต่เธอก็ยังจดจำมันได้ดี แถมฟ้าดินยังกลั่นแกล้งให้เธอต้องกลับมาเรียนร่วมห้องกับบรรดาคนบ้าๆ พวกนี้อีก

  “ ยิ้มเยาะอะไรกันจ๊ะมิยู ฉันยิ้มดีใจที่ได้กลับมาอยู่ห้องเดียวกับเธออีกต่างหาก ดวงเรา 3 คนนี่สมพงศ์กันจริงๆ เลยนะ เธอว่าไหม เคียว ฉันแล้วก็เธอ เหมือนลิขิตจากฟากฟ้า โอ้ ! โชคชะตานำพาให้เพื่อนเก่า... ” เธอคนนั้นพร่ำพรรณนาประกอบท่าทางเป็นจังหวะๆ ราวกับพึ่งหลุดออกมาจากโรงละครโอเปร่า

  “ ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ ไม่เคยรู้จักเธอ แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย ! ” มิยูขึ้นเสียงใส่อดีตเพื่อนเก่าอย่างเหลืออด จนอีกฝ่ายเอามือทาบอกด้วยความตกใจ และจนเพื่อนๆ ในห้องรวมทั้งนอกห้องหันมามอง แต่เธอไม่สนใจหรอก

  ...ใช่ ! เธอเคยรู้จักแม่นักเรียนหญิงตรงหน้านี่ รู้จักดีถึงดีมาก ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเรื่องราวที่ยัยจิ้มลิ้มนี่ทำไว้กับเธอ

  “ อะไรกันมิยู เธอจำฉันไม่ได้เหรอ ไมไง เราเรียนด้วยกันตอนอยู่ประถม เคียว ฉันแล้วก็เธอ เราอยู่ห้องเดียวกัน รูปที่เธอหกล้มกระโปรงเปิดเพราะเหยียบเปลือกกล้วย เมื่อตอน ป.1 ยังอยู่ที่บ้านฉันอยู่เลย ” อีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดพูด กระทั่งเจ้าของโต๊ะลุกพรวดขึ้นเอาเรื่อง จนเก้าอี้ไม้ล้มเสียงดังสนั่นห้อง

  “ กลับโต๊ะของเธอไปได้แล้ว ก่อนที่เธอจะต้องไปนอนห้องพยาบาลตั้งแต่วันแรก ! ”

  คราวนี้ยัยจิ้มลิ้มเจ้าของผมดัดลอนที่เสริมให้เธอยิ่งดูจิ้มลิ้มในสายตาหนุ่มๆ ชะงักไปกับอาการเกรี้ยวกราดของมิยู หลังจากที่เธอพยายามรื้อฟื้นความทรงจำวัยเด็กให้ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นแววตาเย้ยหยันแกมสะใจที่เธอใช้มองมิยูแวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตระหนกตามปกติ

  “ ใจเย็นๆ มิยู ” อาโออิที่เดินเข้ามาพร้อมเรียวโกะ โอบไหล่มิยูเพื่อนสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่เด็ก

  ...ราวกับหวนกลับไปเมื่อครั้งยังเรียนประถม ที่เด็กหญิงอ่อนนอกแข็งในอย่างเธอ ต้องเป็นคนคอยปลอบเด็กหญิงแข็งนอกอ่อนในอย่างมิยูเสมอ

  “ มิยูเขาจำเพื่อนเก่าอย่างฉันไม่ได้ หวังว่าเธอคงไม่ได้พลอยลืมฉันไปด้วยหรอกนะอาโออิ ” ไมหันมาจีบปากจีบคอกับเพื่อนเก่าอย่างอาโออิบ้าง

  “ ถ้าเธอกล้าบอกว่าพวกฉันเป็นเพื่อนเธอ ฉันก็กล้ารับว่าฉันเคยรู้จักเธอ ในฐานะเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเหมือนกัน ” อาโออิตอบเสียงเรียบ แต่ทำเอาไมชะงัก และจำต้องสะบัดหน้าพรืดออกไปจากเขตโต๊ะของมิยู แม้จะไม่ได้ไปไหนไกล แค่ทำตัวเป็นวิญญาณเร่ร่อนวนเวียนอยู่แถวนี้ก็เถอะ

  “ เคียว ! ดูเพื่อนเก่าเราเขาพูดกับไมสิ ” ไมเดินปั้นหน้าเศร้าไปหาเคียวที่โต๊ะ พยายามทำท่าน้อยเนื้อต่ำใจ กึ่งออดอ้อนให้เขาปลอบ ขนาดมิยูที่ตั้งปณิธานว่าจะไม่มองไม่สนใจ ยังอดชำเลืองดูด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

  “ ก็แล้วเธอไปพูดอะไรกับมิยูเขาล่ะ ”

  คำตอบเสียงเรียบของเคียวทำเอามิยูชะงัก อยากตบบ้องหูตัวเองสักสองสามที เพราะนึกว่าประสาททางการรับฟังผิดปกติ ก็ในเมื่อนั่นน่ะมันคือคำพูดที่แสดงว่าเขาเข้าข้างเธอชัดๆ

  ทั้งที่... ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยชื่อของเธอด้วยซ้ำ เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมานะตานี่ หึ ! แต่แค่นี้มันไม่ทำให้เธอหายเจ็บช้ำน้ำใจหรอกนะ ก็เหมือนกับที่มันไม่สามารถทำให้ยัยจิ้มลิ้มนั่น เลิกล้มความตั้งใจที่จะเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของเขาให้ได้นั่นแหละ

  “ เข้มขรึมแบบนี้แหละ ลึกลับน่าค้นหาดี ” ไมกลับมานั่งคุยจ้อกับเพื่อนใหม่ ได้อย่างไม่มีอาการหน้าม้าน และราวกับว่าเคียวไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นกับเธอเลย ดูเธอจะยังคงเป็นปกติได้ในทุกสถานการณ์ จนแม้แต่เพื่อนเก่าที่รู้นิสัยกันดีอย่างอาโออิยังส่ายหน้าในความเป็นเธอ

  “ นี่สิถึงจะเรียกว่าไม่เปลี่ยน ไม่เปลี่ยนจากตอนอยู่ประถมเลยแม้แต่นิดเดียว ”

  “ นี่เหรอคู่ปรับมิยู ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะ ไม่รู้จะตามมาหลอกหลอนทำไม ห้องอื่นมีไม่รู้จักไปอยู่ ” เรียวโกะซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังอาโออิ ชะโงกหน้ามาออกความเห็นแกมบ่น สายตาจับจ้องไปที่ไมซึ่งนั่งหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับนักเรียนหญิงอีกกลุ่ม

  “ ฉันน่ะชอบเคียวมาตั้งแต่อยู่ประถมแล้วล่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนใจหรอก นี่ ! แล้วรู้ไหม ตอนอยู่ประถมนะ มีเพื่อนเก่าฉันมาแอบชอบเคียวด้วย เป็นคนในห้องนี้แหละ เดาถูกหรือเปล่าว่าใคร ” ไมยังไม่ละความพยายามที่จะขุดเรื่องที่สมควรจะกอบลงหลุม ฝังไปพร้อมกับวันเวลาได้แล้วขึ้นมาพูดอีก จงใจเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน โดยเฉพาะสาวน้อยซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างคนนั้น

  “ มิยู ! ! ”

  เสียงเรียกของอาโออิ เรียวโกะ และเคียวดังขึ้นพร้อมกัน แต่ช้าไปแล้วล่ะ เพราะบัดนี้มิยูได้อบอุ่นร่างกายด้วยการขึ้นไปยืนบนขอบหน้าต่าง ให้ชายกระโปรงปลิวไสวในสายลมเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าห้องเรียนห้องใหม่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึก เป็นชัยภูมิที่เอื้อประโยชน์ต่อสาวน้อยนินจาอย่างเธอมาก

  “ นักเรียนนนน ! ! ”

  เสียงร้องเรียกด้วยความตกใจสุดขีดดังตามมา เวลาเดียวกับที่มิยูใช้ความสามารถประจำตัวกระโดดขึ้นไปบนหลังคา... เป็นเสียงของชายวัย 30 ปลายๆ เขาคืออาจารย์ยูอิจิโระ โนบิ อาจารย์ประจำชั้นห้องปี 1B เจ้าของผมรองทรงเรียบแปล้กับแว่นตาหนาเตอะ

  “ นะ... นะ... นักเรียนนน ! ! ” อาจารย์ผู้น่าสงสารร้องเรียกซ้ำเสียงเบาหวิว ปากคอสั่น หัวใจอ่อนๆ แทบหยุดเต้นเสียบัดเดี๋ยวนั้น เมื่อนึกถึงภาพนักเรียนหญิงกระโดดหน้าต่างห้องเรียนเมื่อครู่ แต่เมื่อได้สติก็รีบฝ่ากลุ่มนักเรียนเข้าไปยังหน้าต่างบานที่เกิดเหตุ

  “ มะ... มะ... ไม่มี ! ! ”

  เช่นเดียวกับนักเรียนเหล่านั้น อาจารย์โนบิที่ฝ่ากลุ่มนักเรียนมุงเข้าไปจนถึงขอบหน้าต่าง แข็งใจชะโงกหน้าลงไปดูที่พื้นหญ้าของสวมหย่อมด้านล่าง แข้งขาสั่นๆ เปลี่ยนเป็นแข็งค้างเมื่อพบเพียงสนามหญ้าว่างเปล่า ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจารย์กำลังคิดว่านักเรียนในปกครอง... บินได้

  ไม่ใช่สิ ! อาจจะใช้เครื่องร่อน มีเฮลิคอปเตอร์มารับ ระ... ระ... หรือไม่ก็กำลังเล่นมายากล ระหว่างที่อาจารย์กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้นเอง เสียงของเรียวโกะซึ่งแหวกกลุ่มเพื่อนใหม่ เข้ามายืนอยู่ข้างหลังอาจารย์ก็ดังขึ้น

  “ อาจารย์คะ ต้องมองบนหลังคาค่ะไม่ใช่ข้างล่าง ” เธอบอกอาจารย์ พลางชี้มือประกอบ

  “ บะ... บะ... บนหลังคา ยะ... ยะ... อย่างนั้นเหรอ ? ” อาจารย์โนบิทวนคำ ค่อยๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาขยับแว่นหนาเตอะ ก่อนจะสูดลมหายใจเงยหน้ามองบนหลังคาตึก ที่ซึ่งนักเรียนสาวมิยูกำลังนั่งเหยียดขาสบายใจ แต่นั่นแหละที่ยิ่งทำให้ผู้เป็นอาจารย์ใจหายลงไปอยู่แถวตาตุ่ม “ นะ... นะ... นักเรียน ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น ลงมาเถอะ มันอันตราย ”

  “ หนูสบายดีค่ะอาจารย์ ” มิยูตอบสั้นๆ จนฟังดูไม่น่าใช่คำตอบ สายตาจับจ้องอยู่แค่เพียงท้องฟ้าสีคราม งดงามไกลสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า และไม่มีทีท่าว่าจะยอมลงมาง่ายๆ

  “ ลงมาเถอะนะนักเรียน คาบนี้ครูจะชี้แจงข้อปฏิบัติในการเรียนระดับไฮสคูล แล้วเรายังต้องเลือกหัวหน้าห้องกันด้วยนะ ” คนเป็นครูพยายามเกลี้ยกล่อม หัวใจที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ พลอยให้ลมหายใจติดๆ ขัดๆ ไปด้วย

  “ ถึงจะอยู่บนนี้แต่หนูก็ได้ยินที่อาจารย์พูดนะคะ ส่วนหัวหน้าห้อง หนูเสนอชื่อคุซาโนะ อาโออิค่ะ ”

  ความดื้อรั้นอันเป็นอีกหนึ่งนิสัยประจำตัวของมิยู ทำเอาอาจารย์โนบิถึงกับกุมขมับ แม้แต่อาโออิและเรียวโกะก็คิดหาวิธีที่จะทำให้เพื่อนสาวยอมลงมาจากหลังคาไม่ออก

  “ เพราะฉันอีกแล้วสินะ ” เคียวมองสภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ถอนหายใจ แล้วผลุนผลันออกไปนอกห้อง ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมม็อบถูพื้นซึ่งผ่านการใช้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สภาพรุ่งริ่งของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดี “ ผมจัดการเองครับอาจารย์ ” เขาถือม็อบแหวกกลุ่มเพื่อนเข้าไปหาอาจารย์ และหลังจากนั้น ...

  “ ตาบ้า ! ทำบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ใช่อุนจินะ... เอาไม้ออกไปเดี๋ยวนี้ ! ! ” มิยูร้องลั่น พลางจับกระโปรงนักเรียนของตัวเอง

  “ เธอนั่นแหละลงมาสักที ทุกคนในห้องเขารอเธออยู่คนเดียวเนี่ย ! ” เคียวยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง ใช้ด้ามม็อบแหย่กระโปรงมิยูซึ่งไม่ยอมลงมาจากหลังคา กลิ่นตุๆ จากผ้าขี้ริ้วที่แกว่งไปมาเตะจมูกแต่เขาก็ยังทน

  “ แล้วใครใช้ให้มารอฉันล่ะ จะทำอะไรก็ทำกันไปสิ ! ” คนบนหลังคายังทิฐิไม่เลิก เธอจะไม่ลงไปข้างล่างให้เสียฟอร์มเด็ดขาด มิยูบอกตัวเอง

  “ พูดแบบนี้ได้ไง รับผิดชอบหน้าที่นักเรียนหน่อยสิ หรือเธออยากจะให้ฉันยืนดูอยู่ใต้กระโปรงเธอแบบนี้ก็ตามใจ เธอไม่ลงฉันก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน ” เขาทำหน้ากวน เงยหน้ายักคิ้วให้มิยูที่เปลี่ยนจากท่านั่งเหยียดขา มานั่งอยู่ในท่าเป็ด มือทั้งสองข้างตะครุบชายกระโปรงไว้แน่น ใบหน้างอๆ แดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย

  “ ลามก ! ผีทะเล ! ชีกอ ! ฉันไม่คิดเลยนะว่าโตขึ้นมานายจะกลายเป็นคนแบบนี้ ”

  สุดท้ายมิยูจึงจำใจต้องลงจากหลังคาตึก กระโดดกลับลงมาที่หน้าต่างบานเดิม มีเคียวลงไปยืนยิ้มรอรับอยู่ริมหน้าต่าง แต่ยังมิวายหาเรื่องทะเลาะกันจนได้

  “ ถอยไปสิ มายืนขวางทางอยู่ได้ อยากโดนเหยียบรึไง ! ” สาวน้อยนินจาว่าพลางตะครุบกระโปรงแน่น

  “ ไม่เป็นไร ฉันยินดีเป็นเบาะรองให้เธอ ” เคียวยิ้มทะเล้น

  “ตาบ้า ! ” เธอตะโกนใส่หน้าเขา ก่อนจะเอี้ยวตัวกระโดดลงไปอีกทาง แต่กลับเสียหลัก เซล้มจนเคียวต้องช่วยจับแขนไว้

  “ ยุ่ง ! ” มิยูสะบัดตัวออกจากการประคอง จากนั้นก็สะบัดหน้ากระแทกเท้ากลับไปกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ทำเอาผู้หวังดีอย่างเขาส่ายหน้าอ่อนใจ ระหว่างที่ลากม็อบถูพื้นกลับไปเก็บที่เดิมด้วยท่าเซ็งจัด อืดอาดยืดยาดคล้ายเมากลิ่นผ้าขี้ริ้ว โดยไม่รู้ว่ากลับถึงห้องคราวนี้ เพื่อนเก่าของเขาอีกคนจะทำให้ชีวิตของเขาไม่ปกติสุข ด้วยการเสนอชื่อเขาเป็นหัวหน้าห้อง ควบคุมดูแลนักเรียนตัวแสบทั้งหลาย

  “ หนูเสนอชื่อเคียวค่ะอาจารย์... ทาคาฮาชิ เคียวที่ปีนหน้าต่างขึ้นไปจัดการเพื่อนสาวเลือดนินจาเข้มข้นคนนั้นไงคะ ” ไมลุกขึ้นเสนอชื่อ พร้อมโฆษณาคุณสมบัติตกทอดประจำตระกูลของมิยูเสียเสร็จสรรพ จนเจ้าของเรื่องคันไม้คันมือ อยากลุกขึ้นโชว์วิชานินจา เล่นงานยัยจิ้มลิ้มปากสว่างนี่ให้ทุกคนได้ชมเป็นขวัญตา แต่ก็ติดที่เคียวซึ่งเดินเข้ามาเสียก่อน

  “ นี่ไงคะอาจารย์ ทาคาฮาชิ เคียว ” ยัยหน้าจิ้มลิ้มผายมือไปที่เคียวที่เดินเข้ามาในห้อง ทำเอาเขาถึงกับเหวอ เมื่อถูกสายตาคนทั้งห้องซึ่งต่างพากันจับจ้องมิยูอยู่ก่อน เปลี่ยนเป้าหมายมาตกอยู่ที่เขาแทน ก่อนที่มิยูจะดึงคนทั้งห้องให้หันกลับไปจับจ้องที่เธออีกครั้ง ด้วยการแทรกขึ้นว่า

  “ หนูเสนอคุซาโนะ อาโออิเป็นหัวหน้าห้องค่ะ ” เธอยกมือเสนอชื่อเพื่อนสาวคนสนิทอีกครั้ง

  “ พวกหนูเสนอโมริตะ ไมเป็นหัวหน้าห้องเหมือนกันค่ะ ” นักเรียนหญิงกลุ่มหลังห้องที่นั่งคุยกับไมอยู่ก่อนหน้านี้ พากันยกมือส่งเสียงขึ้นมาบ้าง แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอถูกเจ้าของชื่อหันขวับไปถลึงตาใส่

  “ ยัยพวกบ้าเอ๊ย ! ให้ฉันไปรับผิดชอบภาระมากมายก่ายกองพวกนั้น จะบ้าหรือไง ถอนชื่อออกเดี๋ยวนี้นะ ” ไมซึ่งนั่งอยู่หน้าห้องขมุบขมิบปากบอกเพื่อนสาวเหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเธอจะไม่เข้าใจ แม้ไมจะพยายามอ้าปากพะงาบๆ บอกซ้ำ ท่าทางคล้ายปลาทองฮุบอาหารเม็ด จนทำให้ทั้งอาจารย์โนบิและเพื่อนนักเรียนบางส่วน มองเธอด้วยความแปลกใจก็ตามที

  “ เอ่อ... มีใครจะเสนอชื่อเพื่อนอีกไหม ถ้าไม่มีครูจะให้โหวตเสียงเลยนะ ” อาจารย์โนบิตัดบท เมื่อเห็นว่านักเรียนในห้องชักจะสนใจอาการประหลาดของไม มากกว่าเรื่องสำคัญอย่างการเลือกหัวหน้าห้อง

  แล้วผลโหวตก็ออกมา... ไมได้คะแนน 5 เสียงจากกลุ่มสาวๆ ผู้เสนอชื่อ ขณะที่เคียวได้รับคะแนนเสียงเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนนักเรียนในห้องพอดี ชนะอาโออิเพียงคะแนนเดียว และนั่นทำให้มิยูโกรธเรียวโกะซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ยกมือสนับสนุนเคียวมาก

  “ เป็นอันว่า หัวหน้าห้องปี 1B ของเราปีนี้ คือ ทาคาฮาชิ เคียว และรองหัวหน้าคือ คุซาโนะ อาโออิ ... ”

  สองคนลุกขึ้นยืนโค้งขอบคุณเพื่อนในห้อง หลังได้รับการขานชื่อ

แม้ในใจไม่อยากขอบคุณสักเท่าไหร่

ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังขึ้น และแน่นอนว่ามีบางคนที่ไม่อยากปรบมือแสดงความยินดี แต่จำต้องทำตามคนอื่นอย่างเสียไม่ได้

  “ เคียวได้เป็นหัวหน้าห้องจริงๆ ด้วย อ๊ายยย ! แต่ที่จริงรองหัวหน้าน่าจะเป็นฉันมากกว่า ทำไมเป็นยัยเคร่งนั่นไปได้ ” ไมบ่นงึมงำกับตัวเอง เพราะเกิดอารมณ์แปรปรวนเสียดายตำแหน่ง และแทบจะลุกไปคว่ำโต๊ะเต้นแร้งเต้นกาอาละวาดแม่เด็กเรียนที่แย่งตำแหน่งรองหัวหน้าของเธอไป แต่ก็ติดตรงหัวหน้าห้องที่ชื่อทาคาฮาชิ เคียวนี่แหละที่ทำให้เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้

  ส่วนมิยูผู้เสนอชื่อเพื่อนสนิทขึ้นเป็นคู่แข่งกับ ‘ เขา ’ ก็นั่งปรบมืออย่างซังกะตาย พลางปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยอาโออิก็ยังได้เป็นรองหัวหน้า คงพอเป็นกันชนระหว่างเธอกับอีตาบ้านั่นได้บ้าง เอ๊ะ ! หรือจะไปเข้าข้างฝ่ายโน้นกันแน่นะ อาโออิยิ่งชอบยึดความถูกต้องและยุติธรรมเป็นใหญ่เสียด้วย

  ...เฮ้อ ! มิยูถอนหายใจกลัดกลุ้ม นี่เธอคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่เนี่ยยย

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down