About
Table of Contents
Comments

  เรื่องที่ 1 ฟูลมูนที่รัก

  'ตะวันวาด' กับ 'เออเนส'

  เพราะคำว่าเบื่อบวกกับเซ็งอีกนิดหน่อย ทำให้ฉันลาพักร้อนยาวเหยียดถึงสามอาทิตย์ เรียกได้ว่าใช้วันพักร้อนได้คุ้มค่าอย่างถึงที่สุด นี่ยังหวั่นๆ ว่ากลับไปทำงานอีกครั้ง เจ้านายจะยื่นซองขาวไล่ฉันออกไหม...อ๊ากกกก

  จากนั้นฉันก็มายืนเหยียบทรายละเอียดอยู่ที่นี่ เกาะแสนสวยที่แค่เพียงเอ่ยชื่อ คุณหรือใครๆ ต้องร้องอ๋อ เพราะที่นี่มีค่ำคืนของงานฟูลมูนปาร์ตี้ที่แสนจะสนุกสนานและชื่อดังก้องโลก

  แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวงานฟูลมูนอะไรนั่นหรอกนะ เพราะฉันไม่ใช่สาวปาร์ตี้ เพียงแค่แวะมาหาเพื่อนเก่า ที่นางแต่งงานกับฝรั่งรูปหล่อ เล่นเอาฉันอิจฉา จากนั้นทั้งคู่ก็เลือกมาเปิดบาร์อยู่บนเกาะสวรรค์แห่งนี้

  “ตะวัน” เสียงเรียกชื่อเล่นของฉันดังขึ้นมาแต่ไกล หรือถ้าจะให้เต็มยศ ฉันชื่อจริงว่าตะวันวาดค่ะ ชื่อนี้พ่อเป็นคนตั้งให้ ฟังดูเหมือนจะแมนๆ หน่อย เพราะครั้งแรกพ่อนึกว่าได้ลูกชาย เลยตั้งชื่อรอไว้ว่าตะวัน แต่พอฉันอุแว้ออกมาจากท้องแม่เท่านั้นแหละ ท่านถึงรู้ว่าได้ลูกสาว ก็เลยเติมคำว่าวาดให้ ฟังดูเป็นผู้หญิงขึ้นมานิดนึง

  ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน แต่พ่อแม่ไม่ได้โอ๋หรือสปอยอะไรมากมาย เลี้ยงแบบลุยๆ เสียด้วยซ้ำ ทำให้บางครั้งฉันก็ห้าวไม่ฟังใคร สร้างวีรกรรมต่อยกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายก็เคยมาแล้ว

  “สวยมาเลยนะคะมาดามผึ้ง” ฉันเอ่ยทักเพื่อนสนิทออกไป ผึ้งหรือณิศา คู่หูคู่ฮามาตั้งแต่ชั้นมัธยม ตัวติดกันตลอด เพิ่งมาแยกก็ตอนที่ณิศาแต่งงาน มีสามีเป็นตัวเป็นตนนี่แหละ

  “แหม…แกก็ มาดงมาดามอะไรยะ ฉันไม่ใช่แป้งเย็นนะแก จะได้กลิ่นมาดามหอมชื่นใจ” คำพูดของณิศาทำให้ฉันยิ้มขำกับความอารมณ์ดีของเพื่อนสนิท ส่วนคนพูดก็พลอยขำกับความตลกของตัวเองเหมือนกัน

  “กินไรมายัง”

  “ยัง” ฉันรีบตอบ นั่นเพราะตั้งแต่เช้า ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยด้วยซ้ำ พูดถึงก็ชักจะหิวแล้วสิ

  “งั้นไป” มือเล็กๆ ของณิศายื่นมาคว้าข้อมือฉันไว้ จากนั้นก็ลากไปยังรถที่จอดอยู่แล้วขับออกไป มือขับรถ ปากก็พูดไม่หยุดว่าเดี๋ยวจะพาฉันไปหาของอร่อยๆ บนเกาะกิน คุยโม้จนน้ำลายแตกฟองตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน

  “แกมาได้ตรงวันมาก คืนนี้มีงานฟูลมูน เป็นปาร์ตี้ที่สนุกสุดเหวี่ยงมาก” ณิศาที่ขับรถอยู่หันมาบอก แล้วยังยักคิ้วให้ฉันอีก

  “ไอ้คืนฟูลมูนนี่มันสนุกเหรอ” ที่ถาม เพราะฉันไม่ใช่ขาเที่ยว จึงไม่ค่อยรู้เรื่องปาร์ตี้อะไรพวกนี้สักเท่าไหร่

  “สนุกสิ อ้อ…ลืมไป แกมันสายเข้าวัด ทำบุญ นุ่งขาวห่มขาว ไม่ใช่สายสุรา ปาร์ตี้”

  “ย่ะ” ฉันเอ่ยรับกระแทกเสียงนิดหน่อย นั่นเพราะหมั่นไส้คนชอบเปรียบเปรย ส่วนณิศาได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางของฉัน ก่อนจะหักเลี้ยวพวงมาลัยรถเข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ภายนอกดูบ้านๆ แต่รสชาติอาหารนั้นระดับห้าดาว เพราะมันอร่อยมาก อร่อยจนฉันขอเพิ่ม

  จากนั้นณิศาก็ขับรถพาฉันไปยังที่พัก อันที่จริงณิศาจะให้ฉันพักที่บ้านด้วย แต่ฉันไม่สะดวก เพราะณิศาอยู่กับสามี ฉันไม่อยากรบกวน จึงขอให้เพื่อนดูที่พักให้ และได้เป็นเกสเฮาส์บนเกาะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของณิศา ห่างกันไม่กี่ร้อยเมตร

  เกสเฮาส์หลังที่ณิศาหาไว้ให้แม้ราคาจะหลักร้อยแต่วิวนี่หลักล้าน เพราะเป็นวิวทะเลสวยมาก มากเสียจนฉันอยากอยู่ที่นี่ไปตลอด

  “อยู่ได้ไหมแก” เจ้าถิ่นเอ่ยถามฉัน สีหน้าดูจะลุ้นว่าที่พักที่หาไว้ให้ ฉันจะชอบหรือไม่ชอบ

  “ได้สิ” ฉันหันไปตอบยิ้มๆ นั่นทำเอาคนข้างๆ ถึงกับถอนหายใจออกมา เห็นแล้วฉันก็หัวเราะก๊าก ก่อนจะพูดขึ้น

  “แกจะลุ้นอะไรขนาดนั้น ตอนแบ็คแพ็คไปยุโรปกัน ที่กินที่นอนสาหัสกว่านี้ตั้งเยอะ”

  “ก็จริง นึกถึงตอนนั้นแล้ว ฉันกับแกทำกันไปได้ไงเนอะ” ฟังเพื่อนพูดแล้ว ฉันก็ได้แต่คิดว่านั่นน่ะสินะ ตอนนั้นพวกเธอสองคนนึกคึกอะไร ถึงได้แบกเป้เที่ยวไกลถึงต่างแดนแบบนั้นได้

  เพราะนั่นคือทริปการท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก แถมยังเป็นการเที่ยวแบบแบ็คแพ็คอีกต่างหาก ค่ำไหนนอนนั่น แม้จะผิดแผนไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้คือความสุขและสนุก คิดแล้วก็อยากกลับไปแบ็คแพ็คแบบนั้นอีกสักครั้ง

  “แล้วนี่จะบอกได้หรือยัง ว่าลมอะไรหอบมา” ณิศาเอ่ยถามประโยคนี้กับฉันอีกครั้ง นั่นเพราะครั้งแรกฉันบ่ายเบี่ยงให้คำตอบ

  “เบื่อ”

  “เบื่อ...แค่นี้จริงอ่ะ”

  “อกหักด้วยก็ได้อ่ะ” ฉันตอบอ้อมๆ แอ้มๆ นั่นเพราะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขาเรียกว่าอาการของคนอกหักไหม แต่เปอร์เซ็นต์ที่จะใช่ มันมีค่อนข้างจะสูงมากถึงมากที่สุด ไม่งั้นฉันคงไม่รู้สึกเบื่อหรือเซ็งได้ขนาดนี้แน่นอน...เฮ้อ

  “แกเนี่ยนะอกหัก”

  “อื้อ…ทำไมยะ แปลกใจมากหรือไง” จะว่าไป สีหน้าของณิศาตอนนี้ดูแปลกใจจริงๆ นั่นแหละ ส่วนฉันขอถอนหายใจออกมาอีกสักที...เฮ้อ

  “เออดิ เพราะฉันยังไม่รู้เลยว่าแกชอบใคร อยู่ๆ บอกอกหัก” สายตาของณิศาที่มองมายังฉันแฝงไว้ซึ่งความงุนงง อย่าว่าแต่เพื่อนจะงงเลย ฉันเองยังงงกับตัวเองเหมือนกัน

  “ก็เพิ่งจะชอบ แต่อยู่ๆ เขาก็มีคนควงซะแล้ว เลยอกหักตามระเบียบ”

  “แล้วใครที่มันทำแกอกหัก”

  “หนุ่มที่ทำงาน บอกไปแกก็ไม่รู้จักหรอก แล้วฉันก็ไม่อยากพูดถึงแล้วด้วย ยิ่งพูดฉันเหมือนยิ่งโง่ที่ไปชอบคนมีเจ้าของ นี่ยังทำอะไรน่าอายไปตั้งหลายอย่าง ก่อนจะรู้ความจริงว่าเขามีคู่หมั้น เฮ้อ...เกือบปีนต้นงิ้วแล้วไหมฉัน”

  “ที่บอกว่าทำอะไรน่าอาย นี่อย่าบอกว่าแอบไปกินตับกันมานะ” สีหน้าของณิศานั้นดูตกใจ ตาโตเชียว แต่ฉันกลับขำก๊ากออกมาแทน

  “ใช่ที่ไหนกันเล่า ฉันยังไม่เคยมีจูบแรกเลย นี่แกจะให้ฉันข้ามขั้นไปกินตับผู้ชายเลยหรือไง...ห๊า!”

  “อายุก็เลยเบญจเพสมาตั้งสามปี นี่แกยังไม่เคยมีจูบแรก โอ๊ย! อ่อนอ่ะ”

  “ย่ะ” ฉันเบ้ปากใส่เพื่อนไปอย่างหมั่นไส้ ยอมรับว่าอ่อนเรื่องความรัก จึงไร้ประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง แบบนี้ถึงได้อินซีรีส์เกาหลีบ่อยๆ เพราะชอบมโนว่าตัวเองเป็นนางเอก...โฮะๆ

  ฉันคิดไปอมยิ้มไป ก่อนจะหยุดยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของณิศา

  “เอาเถอะๆ อกมันหักไปแล้วก็แล้วกันไป คืนพรุ่งนี้หาเอาใหม่”

  “แหม…ยังกะจะหากันได้ง่าย ๆ เนอะ”

  “ไม่แน่นะยะแก คืนพรุ่งนี้แกอาจสบตาใครสักคนในงานฟูลมูน จากนั้นก็เกิดสปาร์คปิ๊งๆ คบกันแต่งงานกัน ใครจะไปรู้”

  “เวอร์ไป” ฉันตอบแบบหน้าแดงนิดหน่อย นั่นเพราะต่อมมโนทำงาน ไม่รู้ณิศาจะทันสังเกตเห็นหรือเปล่า

  “ไม่ได้พูดเวอร์”

  “ถ้าเจอหนุ่มที่แกว่าจริงๆ ฉันจูบเขาโชว์ต่อหน้าแกเลยอ่ะ” ที่กล้าพูดแบบนี้ เพราะฉันมั่นใจว่าไม่เจอผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน แม้จะหวังอยู่ลึกๆ ว่าขอให้เจอใครสักคน...เพี้ยง!

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down