About
Table of Contents
Comments

  วันนี้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะผ้ากองโตในตะกร้ากำลังทำหน้ายับยู่ยี่ เรียกร้องให้ฉันไปจัดการซักทำความสะอาดมันเสียที…ลุกจากเตียงที่ถูกจัดเก็บเรียบร้อย ก็เดินไปเปิดเครื่องเสียงฟังเพลงเบาๆ ก่อนจะหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่เตียงอีกฟากด้วยความเคยชิน และคิดว่าอีกไม่นานก็คงตื่นตามกันมาอีกคน

  มนันยาเพื่อนร่วมห้องของฉันไม่ชอบที่จะตื่นเองเสียเท่าไหร่ เธอเคยบอกว่าชอบที่จะตื่นพร้อมเสียงเพลงของฉันมากกว่า และเชื่อได้เลยว่าเช้านี้เธอคงไม่ได้ตื่นขึ้นมาซักผ้าเหมือนกับฉันแน่ เพราะเมื่อวานนี้เพิ่งเห็นเธอหอบตะกร้าผ้าลงไปที่ร้านซักอบรีดข้างล่าง

  แอบคิดว่าสิ่งแรกที่เธอจะสัมผัสก่อนแปรงสีฟัน นั่นก็คือปลั๊กสายไฟคอมพิวเตอร์ ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเกมส์ที่เธอเล่นมีอะไรให้น่าสนใจนักหนา บางครั้งก็เห็นนั่งขดอยู่บนเก้าอี้หน้าจอได้เป็นวันๆ แต่จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ต่างไปจากเธอเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่คิดจะหยิบก่อนแปรงสีฟันในเช้านี้ก็คือตะกร้าผ้าใบนี้ไงล่ะ

  “พาย…ซักผ้าเหรอ” มนันยาถามเสียงงัวเงียมาจากเตียง

  เออนะ เพลงยังไม่ทันจบ แต่ก็มีเสียงทักทายมาแล้ว แสดงว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้เล่นเกมส์จนดึก

  “อืมม์ มีอะไรจะฝากซักรึเปล่า”

  “ไม่มีหรอก ตามสบายเถอะ” เธอบอกแล้วก็ตะกายลงจากเตียงไปเสียบปลั๊กเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด

  “แปรงฟันก่อนเล่นนะ เดี๋ยวก็ลืมเหมือนคราวที่แล้วหรอก”

  อดไม่ได้ที่จะเตือน เมื่อเห็นร่างบางไปนั่งแปะอยู่บนเก้าอี้และทำท่าเหมือนจะปักหลักอยู่ที่นั่นอีกนาน

  “ก็รู้แล้วน่า” เธอเหมือนจะรับปากส่งๆ ทำไมฉันจะไม่รู้ อยู่ด้วยกันมาเป็นเทอม ไส้กี่ขดๆ ฉันคิดว่าน่าจะรู้ดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก

  เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เมื่อฉันเดินกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง ก็ยังเห็นเธอไม่ยอมย้ายก้นไปที่ไหน ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบทำตัวให้ต้องเป็นห่วงนักนะ

  “อย่าให้เหมือนคราวที่แล้วอีกนะ กินข้าวลงไปได้ไงฟันก็ยังไม่แปรง น่าเกลียดจริงๆ เลย” พูดจบฉันก็เดินเข้าไปจ้องหน้า พอเธอเงยหน้าขึ้นมามองก็ทำเป็นยิ้มจืดตามสไตล์และพูดขึ้นว่า “ไปแล้วๆ โดนบ่นแต่เช้าเลย…ว่าแต่เค้า ตัวเองก็ยังไม่แปรงเหมือนกันน่ะแหละ”

  “ไม่ต้องมาทำเป็นย้อนเลยนะ ถึงยังไงเค้าก็ไม่เคยลืมเหมือนตัวเองหรอก”

  “จ้า…พายเก่ง” เธอทำเสียงประชดไปงั้น แต่ก็รีบวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปอย่างกลัวตายเหมือนทุกที

  มนันยาคนนี้ดูใสซื่อน่ารักและแสนเปราะบาง นั่นคือความรู้สึกที่ฉันสัมผัสได้จากตัวเธอ คงเพราะเหตุผลนี้กระมัง ที่ทำให้ฉันออกจะห่วงเธอมากกว่าเพื่อนคนอื่น

  เป็นเพราะโลกอันแสนเงียบเหงาที่ผ่านมา คงกล่อมเกลาให้เธอตื่นกลัวกับบางสิ่งที่ไม่คุ้นชินในโลกแห่งความเป็นจริง บางครั้งฉันก็ไม่อยากปล่อยให้เธออยู่เพียงลำพัง กลัวว่าจะเหงา ว้าเหว่ ฉันกลัวไปสารพัด และพร้อมจะออกโรงปกป้องทุกครั้ง หากใครกล้าแหยมมาทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้อย่างยากที่จะอธิบายหาสาเหตุ...ว่าเพราะอะไร ?

  วันแรกที่เจอกัน มนันยาอยู่ในชุดนักศึกษาหญิงดูเก้งก้างแต่ก็น่ารักดี ทรงผมเท่ห์ๆ ที่ยากจะหาใครตัดแล้วดูดีทรงนั้น ถึงกับตรึงเอาสายตาหลายคู่ให้มองตาม และแน่นอนล่ะ ฉันเป็นหนึ่งในนั้นที่แทบจะถอนสายตาจากใบหน้าใสๆ นั้นไม่ได้…หลายครั้งที่ฉันลอบมองตากลมโตคู่นั้นของเธอ ที่เอาแต่ก้มมองนิ้วขาวๆ ของตัวเองขีดเขี่ยดินบนพื้นเล่น โดยไม่สนใจเสียงร้องเพลงเฮฮาในงานต้อนรับน้องใหม่และสิ่งรอบข้างใดๆ เลย แต่ประหลาดเหลือเกินยิ่งเธอทำเป็นไม่สนใจใครเท่าไร ฉันก็ยิ่งอยากสนใจเธอมากเท่านั้น

  แล้วก็เป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จัก ตอนนั้นจำได้ว่าทำเป็นเดินเข้าไปมองป้ายชื่อที่แขวนบนอกของเธอ “ชื่อแพทเหรอ?” นั้นเป็นคำแรกที่ฉันสื่อสารกับเธอ และการพยักหน้าอมยิ้มอายๆ ที่มีให้มา ก็ทำให้ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ

  เออนะ ถ้าได้เพื่อนน่ารักๆ แบบนี้ บรรยากาศในมหาวิทยาลัยไกลบ้านแห่งนี้คงจะมีสีสันไม่น้อยเลยเชียว

  เวลาผ่านจากวันนั้นมานานหลายเดือน ความสนิทก็เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้เราสองคนได้ตัดสินใจย้ายออกจากหอพักของมหาวิทยาลัย มาอยู่ของเอกชนแทน เพราะต่างมีความเห็นตรงกันว่า อยากได้ความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ดังนั้นห้องสีขาวแห่งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตร่วมกันของเรา

  ตู๊ดๆๆ เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้นแต่เช้า แต่ฉันก็ไม่นึกอยากจะรับเอาเสียเลย เพราะเจตนาของคนที่โทรเข้ามา ส่วนมากก็ไม่พ้นเรื่องตามตื๊อ ฉันก็ไม่เข้าใจทั้งที่สาวสวยมีออกเกลื่อนมหาวิทยาลัย แต่ทำไมถึงได้มาติดใจสาวสีน้ำผึ้งอย่างฉันได้นะ หรือเทรนด์หมวยอึ๋มจะตกยุคกันแล้ว...ก็ไม่เข้าใจ

  “แพทๆ รับโทรศัพท์ให้ทีสิ พี่อรรถโทรมาแน่ๆ เลย” ฉันตะโกนบอกคนที่อยู่ในห้องน้ำ แล้วเดินเลี่ยงไปยืนอยู่หลังห้อง สักพักมนันยาก็วิ่งปรู๊ดออกมาจากห้องน้ำเพื่อรับสาย

  “ฮัลโหล…ค่ะ…พายเข้าห้องน้ำค่ะ…ไว้โทรมาใหม่นะคะ” เธอตอบทั้งที่ฟองยาสีฟันยังติดอยู่มุมปาก ฉันที่เดินกลับมาพิงประตูพลอยยิ้มไปกับสเต็ปการตอบน่ารักของเธอ แล้วบอกขอบคุณออกไปเบาๆ

  “ไม่เป็นไร เค้าชินแล้ว” เธอยิ้มเขินแล้วเอามือเช็ดฟองที่มุมปาก ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

  อืมม์...เวลาได้มองตามร่างกระด๊องกระแด๊งของเพื่อนร่วมห้องทีไร ก็รู้สึกดีจัง สงสัยคนขี้อายยิ้มง่ายจะมีเสน่ห์น่ารักๆ ก็ตรงรอยยิ้มนี่กระมัง ฉันเองก็คิดอะไรไปได้เรื่อยเปื่อย

  ระหว่างที่นั่งรอมนันยาอยู่ใต้หอพัก สายสิริก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มแป้น

  “นี่ๆ พาย เด็กเกษตรมาแอบปิ๊งแพทอีกแล้วแหละ…นี่ไงจดหมายเลิฟ ฝากให้แพทด้วยนะ เพื่อนเราที่อยู่คณะเกษตรเอามาให้ แต่เดี๋ยวเราต้องไปแล้วนะ พี่บอลมาแล้ว บ๊าย บาย” เสียงแหบของสายสิริพูดรัวจนฟังแล้วเหนื่อยแทน ส่วนฉันยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร ร่างของไปรษณีย์สาวไม้ที่หนึ่งก็วิ่งไปหาแฟนหนุ่มเสียแล้ว

  ฉันรีบมองซ้ายแลขวา ก่อนที่จะเสียมารยาทแอบคลี่กระดาษสีชมพูออกดู

  เฮ้อ! นี่เป็นจดหมายรักฉบับที่สี่เข้าไปแล้ว ที่มีคนเพียรส่งมาจีบเพื่อนร่วมห้อง แต่สาวคนนี้รู้สึกจะใจกล้ากว่าทุกคน เพราะเธอแอบแปะสติกเกอร์รูปถ่ายแนบมาด้วย...หน้าตาน่ารักเข้าขั้นใช้ได้นี่นา

  แต่แล้วในความเงียบงัน ก็บังเกิดเสียงหนึ่งที่ทำเอาหน้าซีดเผือด

  “พาย...ไปกันเถอะ”

  เอาล่ะสิ...แม้จะเป็นเพียงเสียงเรียบๆ แต่ก็มีผลทำให้ฉันเผลอขย้ำจดหมายจนยับ ก่อนจะค่อยๆ หันไปพบกับเพื่อนร่วมห้องที่ยืนสงบอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเมตร

  “ตัวเองเหม่ออะไร พูดแค่นี้ก็สะดุ้งด้วย”

  “เออ…คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ ใครบอกให้มาเงียบๆ เค้าก็ตกใจสิ” บอกไปแล้วก็รีบยัดจดหมายเข้าไปในกระเป๋า และแกล้งทำเป็นลืมหน้าที่ไปรษณีย์สาวไม้สองต่อจากสายสิริอย่างหน้าตาเฉย

  ไม่รู้สิเหมือนมันคันๆ อยู่ในใจ เลยทำเป็นลืมๆ ไปซะอย่างนั้นเลย

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down