“ฉันจะเอานี่” เขาพูดพร้อมกับยื่นมือมาทางขวามือของฉัน “มือทั้งสองของเธอเป็นของฉันแล้ว” ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อจู่ๆ เขาก็จับมือขวาของฉันและวางไว้บนริมฝีปากของเขา “ว-คุณกำลังทำอะไรอยู่” “เอาของฉันไป” เขาพูดพร้อมกับจูบลงบนมือของฉันเบาๆ เขากำลังมองมาที่ฉันขณะที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนลงมาที่นิ้วของฉัน เขาเปิดปากของเขาและเริ่มเลียนิ้วของฉัน “อะ-อะไร— ฉันกัดริมฝีปากล่างเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองร้องครางในขณะที่เขาเริ่มดูดนิ้วของฉันในขณะที่ยังคงสบตากัน เขาแกล้งฉันโดยใช้นิ้วเล่นลิ้น ฉันหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ และฉันก็กลืนน้ำลายต่อไป ไม่ใช่เพื่อแสดงให้ Vincent เห็นว่าฉันรู้สึกดีกับสิ่งที่เขากำลังทำ เขาหยุดชั่วคราว และฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ฉันกำลังพูดอะไร “คุณเก็บมันได้ดีจริงๆ ใช่ไหม?” “ว-คุณกำลังพูดอะไร? ฉัน - ฉันไม่ถืออะไรกลับ เขายิ้มอย่างอวดดี "ทุกอย่างปกติดี. ตอนนี้คุณสามารถปฏิเสธได้ แต่แน่นอนว่าคุณจะไม่สามารถซ่อนมันได้เมื่อฉันพิชิตสิ่งที่ฉันต้องการจะพิชิตมากที่สุดในที่สุด” "คุณเป็นของฉัน โซฟี ทุกสิ่งที่คุณมีเป็นของฉัน"
จากมุมของโศรดา
“ทำไมคุณถึงคิดว่าเราต้องรับคุณเป็นอาจารย์ชั่วคราวในมหาวิทยาลัยของเราด้วยล่ะ?” ผู้สัมภาษณ์ท่านหนึ่งถามคำถามนี้กับฉัน
ฉันที่พยายามควบคุมมือที่สั่นเทาโดยสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเผชิญหน้ากับพวกเขา อย่างน้อยมันช่วยให้ฉันมั่นใจขึ้นแล้วเอ่ยปากตอบคำถาม "ฉัน... เอ่อ... จากประวัติการเรียนของดิฉันตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัย ฉันเป็นเด็กที่ได้เกรดสี่ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเด็กเรียนดีมาโดยตลอด อีกทั้งฉันชอบสอนและรักเด็ก...ดังนั้นฉันคิดว่า..."
ฮึบ แกทำได้! โศรดา แกต้องใจเย็นๆ สู้เค้าซิ!
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอมองหน้ากันแล้วพยักหน้า "เรืองโรจน์คือนามสกุลของคุณใช่ไหม? คุณมีความสัมพันธ์ใดๆ กับคุณอาทิตย์ เรืองโรจน์งั้นเหรอ?"
“ใช่ค่ะ เขาเป็นพ่อของฉัน”
ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่เบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป พวกเขารีบลุกขึ้นและก้มศีรษะมาที่ฉัน "สะ-สวัสดีครับ คุณโศรดา"
“อย่าค่ะ ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันเป็นผู้สมัครตำแหน่งอาจารย์ชั่วคราวที่นี่ ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำงานสอนที่นี่ได้ไหม?” ฉันถามพวกเขาในขณะที่ไขว้นิ้วไว้ข้างหลังและหัวใจของฉันก็เต้นระรัวจนแทบจะกระโดดออกจากอกฉันได้แล้วในตอนนี้
"แน่นอนซิครับ คุณโศรดา! คุณได้งานนี้ครับ! ตอนนี้คุณสามารถสอนในโรงเรียนของเราได้ทุกเมื่อที่คุณพร้อมครับ!"
“จะ-จริงเหรอคะ?! พระเจ้า ขอบคุณมากค่ะ คุณไม่รู้ว่ามันมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน ขอบคุณมากนะคะ!”
"ยินดีต้อนรับคุณโศรดา เป็นเกียรติสำหรับพวกเราเช่นกันที่ได้ร่วมงานกันกับทางมหาวิทยาลัยนะครับ"
ฉันกระโดดโลดเต้นทันทีที่ก้าวออกจากห้องสัมภาษณ์ การได้เป็นครูเป็นความฝันของฉันตั้งแต่ฉันยังเด็กและมันเป็นความฝันของแม่ฉันก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ตอนนี้ความฝันกลายเป็นจริงแล้ว! ฉันแน่ใจว่าแม่จะภูมิใจกับตัวฉัน แม้ฉันจะรู้ว่าเหตุผลเดียวที่ฉันได้งานนี้มาก็เพราะนามสกุลของฉัน อาทิตย์ เรืองโรจน์ พ่อของฉันเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันรวยซักหน่อย ทุกอย่างที่เขามีมันไม่เคยเป็นของฉันเพราะฉันเป็นแค่ลูกสาวของเขากับสาวใช้คนหนึ่งที่เขาเคยนอนด้วยแม้เขาจะมีภรรยาแล้วก็ตาม
เพราะแม่กลัวจะถูกเกลียดจากครอบครัวฝั่งพ่อเพราะแม่เป็นเมียน้อย แม่จึงตัดสินใจหนีออกมาจากคฤหาสน์และหลบหนีเพื่อซ่อนฉันจากพวกเขา แม่อาศัยอยู่ในที่ที่เธอคิดว่าทุกคนคงไม่สามารถหาเธอเจอได้ แต่แม่คิดผิดเพราะพวกเขามีอำนาจมากจนสามารถจ้างใครก็ได้เพียงเพื่อตามหาพวกเราจนเจอ พวกเขาพรากฉันไปจากแม่ของฉัน ฉันหนีออกจากบ้านของพวกเขาตอนฉันอายุสิบขวบและกลับไปหาแม่ของฉันแต่พวกเขาก็พาฉันกลับไปอีกครั้ง มิหนำซ้ำแม่ยังบอกให้ฉันกับไปอยู่บ้านพ่อด้วยแต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นแม่เสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่จัดงานศพให้กับแม่
ก่อนหน้านั้นฉันอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อของฉัน คฤหาสน์ขนาดมหึมาของพวกเขาที่ครอบครัวและคนใช้อาศัยอยู่เป็นร้อยคน หากคุณคิดว่าฉันใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีความสุขเพราะฉันเป็นคนในตระกูลเรืองโรจน์แล้วล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะพวกเขาไม่นับว่าฉันเป็นพวกเดียวกับพวกเขาเพราะฉันทำทุกอย่างที่สาวใช้ทำ ฉันรับใช้พวกเขา ซักผ้า เก็บเสื้อผ้า ถือกระเป๋า รดน้ำต้นไม้ เช็ดหน้าต่างและพื้น ทำทุกอย่างเพราะฉันเป็นแค่คนอาศัย “นี่ โซ่ แกไปไหนมา?” สาริกาถามฉันทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในคฤหาสน์
"ฉันไปสมัครงานมาค่ะ" ฉันตอบเพียงสั้นๆ
สาริกาเป็นลูกสาวคนโตของพ่อและภรรยาคนแรกตามกฎหมาย พวกเขามีลูกสาวสองคนและลูกชายหนึ่งคนซึ่งแน่นอนว่าแก่กว่าฉันมาก “สมัครงาน? แกจะสมัครทำไม? แกยังต้องการเงินแม้ว่าพ่อจะให้เงินแก่ทุกเดือนอยู่แล้วเพื่ออะไร?”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินค่ะ ฉันอยากเป็นคุณครูเพราะมันเป็นความฝันของฉัน”
สาริกาแค่กลอกตา "หึ เอาเหอะ จะทำอะไรก็ทำแต่แกอย่าลืมสิ่งที่ฉันสั่งละกัน แกต้องทำให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้"
"ค่ะ"
“เดี๋ยว โศรดา!” ศศิ ลูกสาวคนรองของตระกูลนี้ “ซื้อของให้ฉันตามลิสต์นี้ด้วยนะ ฉันต้องการของพวกนี้เพื่อไปโรงเรียนพรุ่งนี้และอย่าลืมไปบ้านพีทและบอกเขาให้ด้วยว่าฉันเลิกกับเขาแล้ว”
ดวงตาของฉันเบิกกว้างเมื่อมองเธอด้วยความสับสน "ทำไมศศิไม่บอกเลิกกับเขาด้วยตัวเองล่ะ"
“หุบปาก! แล้วไปบอกเขาซะ! ฉันไม่อยากเสียเวลากับการเวิ่นเว้อของเขาอีกแล้ว!”
ศศิมีนิสัยชอบคบผู้ชายหลายคนพร้อมกันแล้วก็เลิกกับพวกเขาหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือฉันต้องเป็นคนไปคุยและบอกว่าเธอต้องการเลิกรากับพวกเขา ฉันมักจะต้องสร้างเรื่องราวและบอกเหตุผลตลอดว่าทำไมเธอถึงต้องการเลิก ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วกำลังจะเข้าห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จู่ๆ ก็เห็นคิรากรเดินมาหาฉันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “พี่กร!”
"โซ่! เราต้องมาลองฟังเพลงใหม่ที่พี่แต่ง!" เขาพูดอย่างกระตือรือร้น พี่กรแก่กว่าฉันสองปีและเขารักดนตรีมาก ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดที่ฉันมี เขาเป็นคนที่ฉันสนิทด้วยที่สุด “เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาฟังเพลงของพี่หลังจากนี้ได้ไหม?”
"โอเค! พี่จะไปรอเราที่สตูดิโอแล้วกันนะ"
"ค่ะ!" ในที่สุดฉันก็เปิดประตูห้องและเข้าไปข้างในด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม