โบนิตา หรือ ส้ม วัย 28 ปี เธอกังวลมากกับคำทำนายของยายที่บอกเอาไว้ว่า โบนิตาต้องหาสามีให้ได้ก่อนอายุ 29 ปี ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตความคิดในหัวของเธอติดอยู่กับเรื่องนี้ ต้องรีบหาสามีให้ได้ แต่สาวออฟฟิตในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง เป็นแค่เพียงหัวหน้าฝ่ายหาลูกค้า ที่วันๆ งานยุ่งหัวฟู เจอแต่กับผู้ชายแก่ๆ ที่มีเมียแล้ว และเพื่อนเกย์ เก้ง กระเทย เธอเริ่มถอดใจเมื่อวันเกิดครบรอบ 28ปี เธอได้เจอกับเพื่อนรักอย่าง เอมมาลิน อีกครั้งเอมมาลินสาวมั่นเพื่อนสนิทตอนมอปลายที่ย้ายตามแม่ไปอยู่ประเทศอังกฤษ กลับมาเพื่อพบโบนิตาเพื่อนที่รักที่สุด เอมมาลินกลับมาเพื่อแต่งงาน ปาร์ตี้ก่อนจะสละโสดกับคู่หมั้นหนุ่มจึงถูกจัดเพื่อรำลึกความหลังของเอมมาลินและโบนิตาจึงเกิดขึ้น เรื่องมันก็เริ่มวุ่นตั้งแต่วันนี้แหละค่ะหวังว่าคงถูกใจหลายๆ ท่าน ขอบคุณที่รักกันเสมอมาค่ะติดตามผลงานของคุณธิดาได้ที่ เฟสบุ้คเพจ Love Story by Khun Thidaคำโปรย“สบู่เข้าตา” เธอตะโกนบอกเขาหิรัญเหมือนตื่นจากภวังค์แทบวิ่งเข้าไปหา“ไหนๆ ดูซิ”มือเธอที่ปะเปะไปทั่ว ทำให้ขวดแชมพูขวดสบู่ตกลงไปกองรวมกันอยู่ที่พื้น เขาเอื้อมไปหยิบฝักบัวแล้วยัดเข้าไปในมือโบนิตารีบยกมันขึ้นล้างใบหน้า สะบัดผมที่เปียกน้ำแบบเบาๆ‘โอย...’ หิรัญทำท่าเหมือนจะละลายสายน้ำกระเด็นมากระทบกับผิวหน้าและตัวเขาแต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้สึก กลับจ้องมองใบหน้าของเธอที่ไร้เครื่องสำอางและสะอาดหมดจด ปากแดงระเรื่อเผยอหายใจเธอขยับตัวทำท่าจะลื่นเพราะเหยียบขวดแชมพู“โอ๊ะ...” เธอส่งเสียงร้อง ร่างเซ ทิ้งฝักบัวในมือทิ้งลงไป ใช้มือป่ายปะจับอะไรหาที่ยึดหิรัญส่งแขนรับร่างของเธอเอาไว้ แต่ไม่ทัน ร่างเล็กๆ ร่วงลงไปกองข้างล่าง ในฝ่ามือของเธอยึดเอาท่อนเนื้อที่เริ่มแข็งตัวเพราะเจ้าของไม่ระวัง ผ้าเช็ดตัวของเขาหลุดลงไปแล้ว“นี่อะไร” คำถามที่ไม่น่าหลุดออกจากปากถามมาเลย ก็เห็นอยู่ว่าเป็นไอ้จ้อนของนายหิรัญเขาเธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของร่างที่ยังตะลึงไม่หาย ริมฝีปากเล็กๆ ขยับอ้า และส่งสายตาที่เว้าวอน เขาพูดอะไรไม่ออก กำลังตะลึง“นี่นายรู้ไหม ยายของฉันบอกกับฉันว่ายังไง” เธอคงเมาแล้วเพี้ยน ในมือยังกำความเป็นชายของหิรัญเอาไว้เต็มๆ แล้วยังลูบแบบอ่อนโยน โบนิตาสบตากับเขาหิรัญหายใจเข้าออกแรงๆ ได้แต่ส่ายหน้า ตกใจจนพูดไม่ได้ บอกเลยไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต“ยายบอกว่า ถ้าฉันยังไม่มีผัวก่อนอายุ 29 ฉันจะต้อ
ที่บ้านคุณปู่วิศาล หลังจากที่ท่านได้คุยกับธาวินหลานชายคนเล็กเรื่องการแต่งงานระหว่างธาวินกับมุกเรียง สายตาและท่าทางของคุณปู่มองชายหนุ่มอย่างลุ้น ๆ
“เป็นไงตามาร์ช แกจะตกลงตามที่ปู่ร้องขอไหม”
ธาวินมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน คุณปู่ถึงกับยิ้มไม่หุบที่หลานชายคนเล็กของเขาชอบและถูกใจมุกเรียง ท่านถึงกลับตบหัวเข่าดังฉาด
“รู้ไหมว่าปู่ลุ้นใจแทบขาด กลัวมาร์ชจะปฏิเสธ”
ธาวินหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวซึ่งกำลังตั้งใจจัดอาหารลงบนโต๊ะ
เพ็ญเพียรคนรับใช้และเป็นญาติของคุณวิศาลคนหนึ่งเดินมาเรียกทั้งคู่
“คุณปู่คะ คุณมาร์ชคะ เชิญที่โต๊ะอาหารค่ะ วันนี้คุณมุกลงมือทำอาหารเอง เพียรได้ชิมแล้วนะคะ บอกได้เลยว่าฝีมือของคุณมุกสุดยอดจริง ๆ มีรสมือที่ดีมาก เพียรอยากให้ทั้งคุณปู่และคุณมาร์ชลองชิมฝีมือของเธอค่ะ”
“อร่อยจริง ๆ หรือครับน้าเพ็ญเพียร” ธาวินถาม
คุณวิศาลยิ้มพราว คิดแต่เพียงว่าท่านเลือกคู่ครองให้หลานชายได้แบบไม่ผิดหวังแน่ ๆ
“จริงค่ะคุณมาร์ช รู้ไหมคะ นอกจากครูมุกจะเก่งในเรื่องการงาน เธอจะเป็นถึงรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแล้ว ยังเก่งทั้งงานในบ้านอีก จะหาผู้หญิงครบเครื่องแบบนี้ได้ที่ไหนคะ เพ็ญเพียรว่า เธอเหมาะสมกับคุณมาร์ชมากจริง ๆ ค่ะ”
เพ็ญเพียรพลอยดีใจและยินดีไปกับชายหนุ่มด้วย หากว่าเขาตกลงใจที่จะแต่งงานกับมุกเรียง ถือได้ว่าทั้งคู่จะเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกันมากที่สุด
“แล้วความสวยของคุณมุกก็ไม่เป็นสองรองใครเลยใช่ไหมคะ” เพ็ญเพียรยังชมเธอไม่ขาดปาก
“สวยครับ” ธาวินตอบออกมาด้วยใจจริง สายตาของเขามองตามหญิงสาวที่เยื้องย่างจัดวางของอยู่บนโต๊ะกินข้าว
คุณปู่หันมาขยิบตาให้หลานชาย “ไปสิ ไปกินข้าวกัน” ธาวินลุกขึ้นมาช่วยประคองคุณปู่
มุกเรียงกำลังวางจานใบสุดท้ายที่ใส่เครื่องเคียงของน้ำพริกลงเรือลงบนโต๊ะ หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับคุณปู่และธาวิน เธอยังเดินเข้ามาขยับเก้าอี้ให้คุณปู่นั่งด้วย
ธาวินละสายตาจากใบหน้าของหญิงสาวไม่ได้เลย เขาส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เธอตลอดเวลา มุกเรียงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกันกับเขา
“อะแฮ่ม พี่มาร์ชจะมองหน้ามุกแบบนี้ไปอีกนานไหมคะ” พูดพลางออกอาการหัวเราะนิด ๆ
คุณปู่และเพ็ญเพียรมองหน้ากันแล้วยิ้มไม่หุบ ต่างมีอาการลุ้น เมื่อเห็นทั้งคู่สบสายตากันแบบแปลกไป ดูเหมือนหนุ่มกำลังจีบสาว และสาวกำลังจีบหนุ่ม
“พี่มาร์ชลองชิมอาหารฝีมือของมุกสิคะ” เธอเอ่ยปากกับเขา นั่งทำหน้าแดงอยู่ตอนนี้ พลางตักน้ำพริกที่รสชาติร้อนแรงลงไปในจานของธาวิน เพ็ญเพียรที่ตักกับข้าวให้คุณปู่อยู่ถึงกับออกอาการหัวเราะ ยิ่งเห็นคุณธาวินเขินเป็นครั้งแรก คุณปู่ก็พลอยทำหน้าระรื่นไปด้วย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยความสนุกและเป็นกันเอง
หนุ่มสาวยังมีอาการเกร็ง ๆ และมีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเก้อเขิน เป็นเหมือนนัดบอดให้มารู้จักกัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ก็คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยสนิทชิดเชื้อกันมาตั้งแต่หนหลัง มันเป็นการคุ้นเคยและเล่นด้วยกันแบบเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ด้วยการเรียนและภาระหน้าที่ของแต่ละคนทำให้เหินห่างกัน ไม่ได้พบปะกันบ่อย ๆ เหมือนเดิม
เมื่อคุณปู่พยายามชักนำทั้งสองคนให้มาเจอกัน และเล่าเรื่องของแต่ละคนให้อีกฝ่ายฟัง เหมือนกล่อมให้ทั้งคู่เห็นความน่ารักสดใส และอยากให้ทั้งสองมาเจอกัน ลองเรียนรู้ ก่อนที่คุณปู่จะตบท้ายว่าอยากให้ธาวินกับมุกเรียงลงเอยกัน
เมื่อทั้งสองคนไม่ปฏิเสธ และต่างแสดงท่าทีว่าสนใจอีกฝ่าย การนัดกันกินข้าวในมื้อเย็นวันนี้จึงเกิดขึ้น
ผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ระหว่างที่กินข้าวกันไป ได้ยินแต่เสียงของคุณปู่ และเพ็ญเพียรที่คุยกัน สองหนุ่มสาวได้แต่เงยหน้ามองสบตากันเป็นบางครั้ง ออกอาการเขินอายกันเสียมากกว่า
“เป็นยังไงคะ คุณมาร์ชกินไปตั้งสองจานใหญ่ ๆ แหนะ” เพ็ญเพียรถาม
“อร่อยมากครับ ไม่ได้กินอาหารอะไรอร่อยแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” ปากตอบเพ็ญเพียร แต่สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงสาว
“ปากหวานเหมือนกันนะคะคุณมาร์ช”
มุกเรียงที่ได้รับคำชมได้แต่นั่งยิ้มหวานสบตากับเขา
ปู่วิศาลหายใจแบบโล่ง ๆ เรื่องที่ท่านรับปากกับปู่ทินกร คุณปู่ของมุกเรียงเอาไว้ ว่าหากมีลูกมีหลานจะให้เกี่ยวดองกันให้ได้ ตอนนี้เริ่มจะเข้าเค้าเป็นจริงขึ้นมา
“มาร์ชพาน้องมุกไปเดินเล่นให้อาหารย่อยในสวนไป” คุณปู่ให้ไอเดีย
“เอ่อ...ให้มุกจัดการความเรียบร้อยในครัวก่อนนะคะ พี่มาร์ชนั่งรอก่อนค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะคุณมุก คุณมาร์ชค่ะรีบพากันไปเดินเล่นเถอะค่ะ แค่คุณมุกเป็นคนทำอาหารให้พวกเรากินวันนี้กันจนอิ่มก็โอเคแล้ว ที่เหลือให้น้าจัดการนะคะ”
เพ็ญเพียรรีบลุกขึ้น เลื่อนเก้าอี้ให้มุกเรียง พลางส่งสายตาและทำหน้าพยักพเยิดให้กับคุณธาวิน
“มันน่าจะไม่เหมาะนะคะเพ็ญเพียร ให้มุกช่วยทำเถอะค่ะ มุกว่า มุก... เอ่อ...”
“ไปเถอะค่ะ ไป เรื่องจานชามแค่นี้ มันเป็นหน้าที่ของเพ็ญเพียรที่ทำทุกวันอยู่แล้วค่ะ” เพ็ญเพียรไล่หลัง ผลักเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือของธาวินให้จับมือน้อย ๆ ของมุกเรียง หนุ่มสาวถึงกับออกอาการเขินหนักกับการกระทำของเพ็ญเพียร
คุณปู่วิศาลยกหน้าขึ้นมองสองหนุ่มสาว
“ถ้าหลานทั้งสองคนไม่ขัดข้อง อีกสองเดือนปู่จะจัดงานแต่งงานให้ นี่เป็นฤกษ์ที่เร็วที่สุดแล้ว”
“นั่นนะสิคะ คุณมาร์ชกับคุณมุกจะเขินกันทำไม มีเวลาให้เขินกันอีกไม่นานแล้ว” เมื่อโดนแซวทั้งคู่ก็แทบเดินขาขวิดออกไปด้านนอก ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณปู่กับเพ็ญเพียรดังมาตามหลัง คงจะสมใจของคนทั้งคู่ที่ออกอาการลุ้นอย่างหนัก
ทั้งสองเดินลงไปจนถึงสวนด้านหลังบ้านของปู่วิศาล
“ปล่อยมือของมุกได้แล้วมั้งคะพี่มาร์ช” หญิงสาวยิ้มหวาน ธาวินรีบปล่อยมือของเธอ แล้วทำท่าเก้อ ๆ
“พี่มาร์ชไม่เคยมีแฟนหรือคะ จนถึงป่านนี้” มุกเรียงเอ่ยถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มของเธอหวานจนจับใจไปให้ชายหนุ่ม
“ใครบอกมุกจ๊ะ”
“คุณปู่ค่ะ”
“ถ้าพี่บอกมุกว่า พี่ยังไม่เคยมีแฟน มุกจะเชื่อพี่ไหม”
ทั้งคู่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน มองไปยังสวนดอกไม้ฝีมือการปลูกของเพ็ญเพียร
—————————————————————————