ซือลั่วซึ่งทะลุมิติกลายเป็นลูกสาวสายรองของเสนาบดีได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิองค์ให้กับอ๋องเว่ยน้อยซึ่งถูกลดระดับเป็นสามัญชนขาพิการ... หลังจากตื่นมา ไม่มีสาวใช้ ไม่มีอาหาร มีเพียงหนุ่มหล่อขาพิการที่มองเธออย่างอาฆาตแค้น "ข้าจะไม่เขียนจดหมายหย่า หากเจ้าอยากตายเมื่อใดก็ตายได้ทุกเมื่อที่ตามที่เจ้าต้องการ ตอนเป็นคือคนสกุลเว่ย ตายไปย่อมเป็นผีของสกุลเว่ย!” ซือลั่วมองดูบ้านยากจนที่เหลือเพียงหนูตัวใหญ่ เพื่อให้มีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอสำหรับประทังชีวิต เธอทำได้เพียงหาวิธีหาเงินมาจุนเจือครอบครัว สามี และลูก... ท่านอ๋องเว่ยน้อยเป็นคนขี้ระแวง อ่อนไหว ใครจะรู้ว่าเมื่อเขามีเอากลับทุกอย่างแล้วจะพาคนมาขวางประตู“ข้าได้ยินว่าเจ้าบอกคนอื่นว่าสามีของเจ้าตายแล้ว?”
เมื่อซือลั่วลืมตาขึ้น เธอก็มองเห็นหลังคาอันทรุดโทรมกับมุ้งของเตียงที่ทำจากผ้าม่าน
ที่นี่คือที่ไหนกัน
“คราวหน้าถ้าอยากตายอีกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าแล้ว!”
น้ำเสียงติดจะเย็นชาดังขึ้นมา เมื่อมองไปทางต้นเสียงก็พบบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง เขามีคิ้วเรียวยาวราวกับดาบ ดวงตามีประกายเหมือนดวงดาว จมูกสูงโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เย็นเยียบ
ซือลั่วลุกขึ้นนั่งทันใด มองปราดเดียวไปรอบทิศ
บ้านโบราณกับผู้ชายที่ใส่ชุดโบราณ
ซือลั่วหยิกต้นขาตนเองอย่างแรงทีหนึ่ง เจ็บจนจะตายแล้ว นี่ไม่ใช่ความฝัน ถ้างั้นก็มีปัญหาแล้วสิ
“ฉันเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหน”
ซือลั่วจำได้ว่าเธอไปตรวจสอบฐานการเพาะปลูก ระหว่างเดินทางกลับก็พบกับวัดเก่าแปลกๆ แห่งหนึ่งจึงอยากไปดูสักหน่อย ทว่ารถกลับมีปัญหา เบรกไม่อยู่จนหัวทิ่มตกหน้าผา
หัวใจของซือลั่วจมดิ่งลง แทบไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เธอผลุดลุกลงจากเตียง วิ่งมาอยู่หน้าโต๊ะไม้แล้วคว้ากระจกบนโต๊ะขึ้นมาส่องดูก็มองเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง
แม่นางน้อยผู้นี้อายุราวสิบกว่าขวบ ผิวพรรณค่อนข้างขาว มีเครื่องหน้างดงามและผมยาวสยายซึ่งแตกต่างจากตัวตนเดิมของเธอโดยสิ้นเชิง
ซือลั่วตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะต้องยอมรับกับความจริงนี้ว่าเธอได้เกิดใหม่ในร่างของผู้อื่นแล้ว
“เหอะ!”
มีคนเค้นเสียงทีหนึ่ง
ซือลั่วเงยหน้าขึ้นมองชายรูปงามตรงหน้าและกำลังจะพูด ทันใดนั้นภาพบางอย่างก็ปรากฎเข้ามาในหัวของเธอ ชั่วขณะนั้นเธอก็เรียกชื่อของเขาออกมา
“เว่ยฉงซี!”
สิ่งที่ตามมาคือเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ
ในตอนนี้นางอาศัยอยู่ในราชวงศ์ที่ชื่อว่าต้าโจว เจ้าของร่างเดิมมีชื่อว่าซือลั่วเช่นเดียวกันกับนาง มีบิดาเป็นอัครเสนาบดีของราชวงศ์นามว่าซือเทียนอี้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือซือลั่วเป็นเพียงแค่บุตรอนุเท่านั้น
ผู้ชายรูปหล่อเย็นชาตรงหน้านางที่แท้ก็คือเว่ยฉงซี สามีของนาง
เว่ยเซียวบิดาของเว่ยฉงซีเป็นขุนนางผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ต้าโจวจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นซีเป่ยอ๋องโดยอดีตจักรพรรดิ เว่ยฉงซีเคยเป็นท่านอ๋องน้อยเว่ยที่มีชื่อเสียงในซีเป่ยและเป็นที่รู้จักดีในเมืองหลวง
ต่อมา ว่ากันว่าซีเป่ยอ๋องสมรู้ร่วมคิดก่อกบฏจึงถูกจักรพรรดิปราบในคราวเดียว เว่ยเซียวถูกประหารชีวิตทั้งตระกูล ขณะนั้นเว่ยฉงซีกำลังสู้รบอยู่ที่ซีเป่ย เนื่องจากมีความดีความชอบและขาหัก เขาจึงรอดชีวิตจากโทษตาย อย่างไรก็ตาม อดีตจักรพรรดิต้องการทำให้เขาอับอายขายหน้า จึงมีบัญชาให้ปลดเขาเป็นสามัญชน และยังให้ซือลั่วคุณหนูลำดับสามของสกุลซือที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวในเมืองหลวงหมั้นหมายกับเว่ยฉงซี
ซือลั่วเป็นคนไม่มีสมองและเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนในเมืองหลวง แม้ว่านางจะเป็นบุตรอนุ แต่นางก็เป็นลูกคุณหนูเช่นเดียวกัน
หลังจากหมั้นหมายกับเว่ยฉงซี นางทนไม่ได้ที่เว่ยฉงซีเป็นคนพิการและไม่สามารถทนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากได้ นางทะเลาะกับเว่บฉงซีเกือบทุกวัน และทุกครั้งที่นางเปิดปากก็จะเรียกเว่ยฉงซีว่าไอ้คนขาพิการ
หนึ่งเดือนก่อน เจ้าของร่างเดิมตกหลุมรักบัญฑิตซิ่วไฉ*ผู้หนึ่งในเมือง
คำอธิบาย ตำแหน่งบัญฑิตของผู้ที่สอบเข้ารับราชการในระบบเคอจวี่ หากสอบผ่านในระดับอำเภอจะได้เป็นซิ่วไฉ
เพื่อที่จะได้ครองรักกับซิ่วไฉผู้นี้ นางจึงคิดจะให้เว่ยฉงซีหย่ากับนาง แต่เว่ยฉงซีปฏิเสธ เจ้าของร่างเดิมจึงกระโดดน้ำและไม่ได้รับการช่วยเหลือจนตาย
ตอนนี้ซือลั่วกลายเป็นว่าจิตตก*มากจริงๆ แล้ว
คำอธิบาย เป็นการเล่นคำพ้องเสียง เนื่องจากชื่อของนางเอกอ่านออกเสียงว่าซือลั่ว 施落 ออกเสียงเหมือนกับคำว่า失落 ที่แปลว่า จิตตก หดหู่
อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองครั้งหนึ่ง เพียงเพื่อที่จะเห็นเว่ยฉงซีนั่งอยู่บนรถเข็นและมองนางมาอย่างเย็นชา บนใบหน้าไม่ปิดบังความรู้สึกขยะแขยงและความโกรธเลยแม้แต่น้อย
ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของนางในตอนนี้อย่างไร แต่ทว่านางเป็นคนมองโลกในแง่ดี ในเมื่อมาเกิดใหม่แล้วก็จงสงบใจอยู่ที่นี่ให้เป็นสุขเถิด ในเมื่อพระเจ้าให้โอกาสนางในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ นางก็ควรรู้สึกยินดีในความโชคดีนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เว่ยฉงซีหล่อจริงนะเนี่ย นางก็ไม่นับว่าเสียเปรียบอะไร
ซือลั่วรีบสงบสติอารมณ์ จากนั้นลุกขึ้นยืน ลูบผมแล้วลูบผมอีก นางรวบเก็บผมที่ยาวขนาดนี้ไม่เป็น พอมองไปรอบๆ ที่แท้ก็มีปิ่นปักผมสีทองอันหนึ่งอยู่บนเตียง นางวิ่งไปอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย จากนั้นนางก็เอาปิ่นปักผมซ่อนไว้ในแขนอย่างระมัดระวัง ถึงอย่างไรนางก็ไม่รู้วิธีใช้มันอยู่ดีถ้าเก็บไว้ก็ยังขายเอาเงินได้
เมื่อเก็บปิ่นปักผมเรียบร้อย ซือลั่วคุ้นกล่องไปมาสารพัดจนในที่สุดก็พบที่คาดผมเก่าๆ อันหนึ่ง เมื่อคาดผมเสร็จแล้วหันกลับมานางก็พบว่าเว่ยฉงซียังคงมองนางด้วยสายตาเย็นชาจนหนาวเหน็บอยู่
นางลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเว่ยฉงซีที่อยู่บนรถเข็นค่อนข้างน่าสงสาร คนในตระกูลตายอย่างอนาจแถมท่านอ๋องน้อยผู้สูงส่งก็ถูกผู้คนเหยียบย้ำลงไปในโคลนในชั่วข้ามคืน แล้วยังมาเจอตัวปัญหาอันดับหนึ่งอย่างเจ้าของร่างเดิมอีก...