หลังจากภรรยาของประธานบริษัทฮั่วซื่อกรุ๊ปเสีย มีคนพบว่าเขากลับตัวกลับใจ ไม่ทำตัวเจ้าชู้ไม่เลือกหน้าอีกแล้ว ใช้ชีวิตเลี้ยงดูลูกชายอย่างจริงใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขารับแพทย์ประจำบ้านเข้ามา สองเดือนหลังจากนั้น แพทย์ประจำบ้านก็ขึ้นเป็นภรรยาได้สำเร็จ “คุณผู้หญิงฮั่ว คุณทำให้ประธานฮั่วเปิดใจได้ยังไงเหรอ ทำให้เดินออกมาจากเรื่องที่ภรรยาเสียชีวิตไปได้ยังไง” “เหอะ ๆ ง่ายจะตายไป แต่งหนึ่งแถมอีกสอง” เจ้าสาวเกรี้ยวกราดดึงเพื่อนเจ้าบ่าวเวอร์ชันจิ๋วออกมาอีกสองคน
“ฮั่วซือเจวี๋ยจะกลับมาแล้วเหรอ?”
เวินสวี่สวี่ที่อุ้มท้องแปดเดือนกว่ากำลังพับเสื้อผ้าตัวเล็กที่เพิ่งซื้อมาใหม่อยู่ในห้องเด็กอ่อน จู่ๆ เธอก็ได้ยินคนรับใช้ในบ้านพูดคุยกัน
เขากลับมาแล้วเหรอ?
เพราะว่าเธอกำลังจะคลอดหรือเปล่า?
ความรู้สึกยินดีจนแทบบ้าพรั่งพรูขึ้นมาในใจของเธอ ชั่วพริบตานั้นกระทั่งมือก็ยังสั่นระริก
ฮั่วซือเจวี๋ยเป็นพ่อของเด็ก
ทว่าตั้งแต่แต่งงานกันจนถึงตอนนี้ เธอกับเขาเคยพบหน้ากันเพียงครั้งเดียวในคืนวันแต่งงาน หลังจากนั้นเขาก็จากไป และเธอไม่ได้เจอเขาอีกเลย
“ลูกรัก แม่รู้ว่าพ่อไม่ชอบแม่ แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงพ่อมาดูลูกที่กำลังลืมตาดูโลกได้ แม่ก็ดีใจมากแล้ว”
เวินสวี่สวี่ลูบท้องที่ป่องขึ้นมาทั้งน้ำตา บนใบหน้าเล็กที่งดงามผุดผาดเต็มไปด้วยความปีติยินดีอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่
สองวันต่อมา เป็นจริงดังคาดหมาย คุณชายใหญ่ตระกูลฮั่วที่หายตัวไปสิบเดือนเต็มๆ กลับมาแล้ว
เวินสวี่สวี่ทราบข่าวก็หอบท้องใหญ่วิ่งลงไปด้วยความตื่นเต้น
แต่แล้วสีหน้าของเธอก็ต้องซีดเผือด เพราะเมื่อเธอเดินมาถึงหน้าบันได ก้มหน้ามองลงไปในห้องโถงข้างล่าง กลับพบเห็นว่านอกจากชายหนุ่มที่เธอถวิลหาทุกวันคืน ที่ข้างกายของเขายังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่
“ฮั่วซือเจวี๋ย แกหมายความว่าไง? ฉันให้แกกลับมาอยู่ดูตอนคลอด แต่แกกลับพาผู้หญิงคนนี้กลับมาด้วย หมายความว่ายังไง?!”
“หมายความว่าอะไรพ่อก็เข้าใจดีไม่ใช่เหรอ? ผมบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผม ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งด้วยคือกู้เซี่ย และตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างๆ ผม!”
ฮั่วซือเจวี๋ยใส่เสื้อกันลมสีดำตัวบาง ใบหน้าที่หล่อเหลาคล้ายดั่งถูกแกะสลักอย่างประณีต ดวงตาดำสนิทคู่นั้นลุ่มลึกเย็นชายิ่งกว่า เขาจ้องมองผู้เป็นพ่อ ทั่วทั้งร่างราวกับมีรังสีเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุม
นายท่านฮั่วได้ยินดังนั้นก็โกรธจนควันออกหู
“ไอ้ลูกไม่รักดี! แกไม่รู้เหรอว่าตอนนี้สวี่สวี่ท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว? แกยังพูดจาแบบนี้อีก?!”
“ทำไมผมจะพูดไม่ได้? ตอนนั้นถ้าไม่ใช่พวกพ่อวางยาผมในคืนวันแต่งงาน มันจะเกิดไอ้ตัวนี้ออกมาเหรอ? ผมจะบอกให้ว่ามันไม่สมควรเกิดมาบนโลกใบนี้!”
“...”
รอบด้านเงียบสงบไร้เสียงใด
เวินสวี่สวี่ที่ยืนอยู่หน้าบันไดรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างทิ่มแทงขึ้นมาในอกอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกฉีกทึ้งหัวใจลุกลามขึ้นมา เธอยืนอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้ามืดมิด ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
ไม่นึกเลยว่าเขาจะพูดว่า...ลูกของตนไม่สมควรเกิดมาบนโลกใบนี้!
เธอเริ่มซวนเซ...
“กรี๊ด! คุณนายน้อย! คุณนายน้อยเลือดออก!”
“อะไรนะ?”
ชั่ววินาทีนั้น คนตระกูลฮั่วทุกคนต่างตกตะลึง
พ่อลูกที่ปะทะคารมกันอยู่ในห้องโถงข้างล่างก็พลันเงยหน้ามองขึ้นมาข้างบน
เป็นหญิงสาวที่อุ้มท้องโตยืนอยู่จริงๆ
ทว่ายามนี้เธอยืนอยู่หน้าบันได เลือดสดไหลทะลักลงมาจากใต้กระโปรงของเธอ
ฮั่วซือเจวี๋ยสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“ฮั่วซือเจวี๋ย ความรักของคุณ...ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ความสุขที่ได้มาจากการเหยียบย่ำซากกระดูกลูกตัวเอง ชีวิตหลังจากนี้ของคุณจะนอนหลับสนิท...จริงๆ เหรอ?”
ตอนที่เวินสวี่สวี่ล้มลง ดวงตายังคงจ้องมองผู้ชายคนนั้น กล่าวเพียงประโยคเดียว
นี่เป็นประโยคแรกของเธอตั้งแต่แต่งงานกับเขามา!
ฮั่วซือเจวี๋ยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ผู้หญิงคนนี้ก็ล้มลงบนพื้น เลือดกระเด็นรอบทิศ!
“รีบส่งโรงพยาบาล เร็วเข้า!!”
“...”
หลายนาทีต่อมา ในที่สุดเวินสวี่สวี่ที่หมดสติถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ซือเจวี๋ย คุณไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณสักนิด นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังคลุมถุงชนอยู่อีก แถมยังใช้วิธีการแบบนั้น นังนั่นยังกล้าสาปแช่งคุณ ซือเจวี๋ย...”
ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด กู้เซี่ยพยายามปลอบใจ
แต่คิดไม่ถึงว่าพูดยังไม่ทันจบ ผู้ชายที่ยามปกติไม่เคยใส่อารมณ์อะไรกับเธอมาก่อน จู่ๆ ก็ตวัดสายตามองเธออย่างเหี้ยมเกรียม!
“หุบปากซะ! เรื่องในตระกูลฮั่ว ถึงรอบให้เธอสอดปากตั้งแต่เมื่อไร!”
เขาตัดบทเธออย่างโหดเหี้ยม สายตาส่อแววคุกคามในชั่วพริบตา
กู้เซี่ยตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เวินสวี่สวี่ นังสารเลว!
ทางที่ดีเธอไม่ต้องกลับมาแล้ว ตายในห้องคลอดไปซะ ตายได้ทั้งแม่ทั้งลูกจะดีที่สุด...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาล
“ขอโทษครับ คุณตาฮั่ว คนไข้เลือดออกเยอะมาก พวกเราช่วยไว้ไม่ทัน แต่ลูกสามคนในท้องเธอ ช่วยชีวิตกลับมาได้หนึ่งคน พวกเราทำเต็มที่แล้ว”
หมอสูติอุ้มเด็กออกมาจากห้องผ่าตัด เมื่อเห็นตาเฒ่าฮั่วและคนอื่นๆ ที่รออยู่ข้างนอกมาตลอดก็เข้าไปแจ้งข่าวแก่พวกเขาอย่างสุขุมหนักแน่น
ตายแล้วเหรอ?
หลานสามคนกับลูกสะใภ้หนึ่งคนของเขา ตอนนี้เหลือแค่คนเดียว?!
ตาเฒ่าฮั่วทนรับความสะเทือนใจขนาดนี้ไม่ไหว กุมหน้าอกตัวเองแล้วทรุดล้มลง...
“นายท่าน! นายท่าน!”
“...”
ตอนที่ฮั่วซือเจวี๋ยทราบข่าว เขากำลังพากู้เซี่ยออกจากบ้านตระกูลฮั่ว มุ่งหน้าไปยังคอนโดส่วนตัวของเขาที่อยู่ในเขตเมือง จู่ๆ มาทราบข่าวนี้ มือที่จับพวงมาลัยของเขาพลันแข็งทื่อ
“ตายแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ ได้ยินมาว่าเธอสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอตกเลือดหนักก็ช่วยชีวิตไม่ทัน แต่ลูกสามคนรักษาไว้ได้หนึ่งคน เป็นเด็กชาย ตอนนี้นายท่านอุ้มไปแล้วครับ”
ผู้ช่วยรายงานเรื่องนี้ให้ฟังอย่างละเอียด สุดท้ายเกรงว่าเขาจะไม่เชื่อจึงถ่ายรูปศพแม่ลูกสองที่คลุมผ้าขาวอยู่บนเตียงส่งมาให้เขาด้วย
ทันใดนั้นฮั่วซือเจวี๋ยที่กำลังขับรถอยู่ก็นัยน์ตาหดเล็กลง!
เอี๊ยด...
เขาเหยียบเบรกกะทันหัน รถหยุดลงกลางถนนแทบทันใด