About
Table of Contents
Comments

  “หิว...ข้าวต้มปลา ขิงเยอะๆ …” ศิขรินงึมงำสั่งอาหาร ปากทรงกระจับเคี้ยวจ๊อบแจ๊บทั้งที่ยังหลับตา

  “จะกินอะไรนะ” เสียงทุ้มถาม

  อืม เสียงนุ่มหูดีจัง เด็กเสริฟข้าวต้มร้านไหนนี่ เจ้าตัวพยายามเปิดเปลือกตาที่เหมือนจะติดกันด้วยกาวตาช้าง ยกมือขึ้นเกาหัวยิกๆ แดดแยงตาจนต้องหลับลงอีกครั้ง

  “ข้าวต้มปลา” เขาเน้นเสียงอีกรอบ

  “ไม่รู้ว่ามีไหม เดี๋ยวเช็คกับรูมเซอร์วิสให้นะ” เสียงทุ้มกลับมาอีกแล้ว รอบนี้พร้อมสัมผัสเบาๆ ที่แก้ม

  นิ้วเรียวยกขึ้นปัดขวับ คนจะนอนกวนอยู่ได้ เอ่อ เดี๋ยวนะ...เปลือกตาบางลืมพรึ่บ ร่างเพรียวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็น ใบหน้าขาวๆ ลอยห่างจากหน้าเขาไปไม่ถึงคืบ

  “เหวอ!!! ” ผีแน่ๆ เด็กหนุ่มถีบตัวสุดแรง พริบตาร่างเขาก็ลอยหวือจากเตียงสูงลงไปกองอยู่กับพื้น ก้นจ้ำเบ้าจนเจ้าตัวเผลอร้องโอดโอย ทำไมเจ็บสะโพกเจ็บหลังขนาดนี้

  “หึ…” เสียงทุ้มที่อยู่ในฝันหัวเราะเบาๆ

  ศิขรินคลำบั้นท้ายตัวเองป้อยๆ อีกมือก็เสยผมยุ่งเหยิง เดี๋ยวนะ! เขาก้มลงมองเมื่อมือสัมผัสไม่ถึงเสื้อผ้าที่ควรจะสวมใส่ เด็กหนุ่มหายมึนเป็นปลิดทิ้ง ตัวเขานอนแอ้งแม้งอยู่พื้นไม้ขัดเงา ขาข้างหนึ่งยังพาดอยู่บนเตียง ผ้าห่มสีขาวเนื้อนุ่มพาดกึ่งๆ ระหว่างเตียงกับช่วงล่างของเขาที่...เปลือยเปล่า!

  “เฮ้ย…” ร่างเพรียวผุดขึ้นยืน คว้าผ้าห่มมาห่อตัวรวดเร็ว เขาหน้าเหวอเมื่อเห็นอีกคนที่นอนเท้าแขนมองเขาจากบนเตียง

  “ตกลงจะกินข้าวต้มปลาไหม ฉันจะได้โทรสั่ง” ริมฝีปากบางยกยิ้ม นึกขำอาการหลุดของคนตรงหน้า

  “...” ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มมองซ้ายขวาอย่างสับสน ความขาวเนียนเป็นอย่างแรกที่กระแทกสายตาเขาเต็มๆ ผมดำสนิทตัดสั้นเข้าทรงดูยุ่งเหยิงนิดๆ ขับให้ตารีบนใบหน้าหล่อเหลาดูดุหน่อยๆ ริมฝีปากบางสีอมชมพูตามธรรมชาติ อกหนา ลอนท้องแน่นๆ หกลูกทำเอาศิขรินต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ถึงจุดนี้เขามั่นใจได้เลยว่าใต้ผ้าห่มที่เกาะต่ำๆ อยู่ช่วงเอวนั้นเปลือยเปล่าไม่ต่างกับเขา

  ปีใหม่เหมือนจะกระโดดเท้าคู่ถีบเข้ากลางลำตัว นายศิขริน ศิริบุญ ชนิดเล่นเอาล้มทั้งยืน เด็กหนุ่มกดวางสายหลังจากคุยกับมารดาได้พักใหญ่ ครอบครัวของศิขรินมีธุรกิจโฮมเสตย์ขนาดกลางอยู่ที่เขาใหญ่ หลังจากฝนแล้ง และอากาศร้อนจัดติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้ไฟป่าปีนี้โหมหนักถึงห้าวันติดต่อกัน โอมเสตย์ของที่บ้านได้รับความเสียหายไม่น้อย แย่ที่สุดคือบิดาของเขาที่พยายามปกป้องบ้านอันเป็นที่รักจนได้รับบาดเจ็บ และสำลักควันไฟอาการหนัก รวมถึงชีวิตนักศึกษาเอกการท่องเที่ยวที่ควรจะใช้แบบชิลๆ ของเขาก็ถูกไฟป่าทำให้วอดวายไปด้วย

  ศิขรินเดินทางกลับไปดูอาการบิดา และช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ที่บ้านอยู่พักใหญ่ เจ้าตัวไม่อยากกลับมาเรียนเสียด้วยซ้ำเพราะห่วงมารดาที่ต้องอยู่คนเดียว

  “ริน...ไปเถอะลูก แม่มีลูกน้องกับพี่รีคอยช่วยอยู่ อย่าให้เสียการเรียนเลย” คุณนุ่น มารดาของเขาปลอบ และส่งเขากลับเข้ากรุงเทพฯ จนได้

  พี่ชายคนโต คีรี จบการเกษตรจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และผันตัวกลับไปปลูกผักออแกนิคบนที่ดินอันเป็นมรดกได้หลายปีแล้ว อย่างน้อยก็อุ่นใจได้ว่าแม่มีคนดูแลอยู่ การเป็นลูกชายคนเล็กที่อายุห่างจากพี่หลายปีทำให้เขามีอาการลูกแหง่ติดแม่ที่ไม่ว่าโตแค่ไหนก็เหมือนจะไม่หาย

  เขากับคุณนุ่นโทรคุยกันแทบทุกวัน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่บิดายังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ฐานะทางบ้านเขาไม่ใช่จะจน แต่เมื่อเจอพิษไฟป่าทำให้โฮมเสตย์ต้องปิดซ่อมแซม รายได้จากนักท่องเที่ยวคงไม่เข้ามาในเร็วๆ นี้ บวกกับบิลค่ารักษาพยาบาลของบิดาแล้ว เด็กหนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่าภาวะการเงินของที่บ้านเป็นอย่างไร

  ศิขรินไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงแต่มารดาของเขาล่ะชอบนัก ยิ่งเมื่อทางบ้านประสบปัญหา เรื่องดวงและโหราศาสตร์กลายเป็นที่พึ่งทางใจได้ส่วนหนึ่ง ล่าสุดคุณนุ่นไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง

เป็นคำหรูๆ แปลว่าหมอดู

ถามเรื่องทางบ้านพร้อมตัวเขามาเสร็จสรรพ อาจารย์ทักมาว่าลูกชายคนเล็กจะได้ดี มีเงินเข้า ทำงานเกี่ยวกับความบันเทิงทั้งหลายจะประสบความสำเร็จ คุยกับแม่ได้ 3 วัน รุ่นพี่ออกสาวจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ก็เอานามบัตรมายัดใส่มือเขาตอนพักกลางวันในแคนทีนมหาวิทยาลัยเสียอย่างนั้น

  เด็กหนุ่มถอนหายใจหนัก เขามองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากหน้าต่างห้องพัก ค่าเช่าหอพักดีๆ แบบนี้แต่ละเดือนไม่ใช่น้อย การใช้ชีวิตในเมืองฟ้าอมรต้องใช้เงินทั้งนั้น นิ้วยาวเสยผมสีโอ้คอ่อนที่เริ่มยาวระต้นคอ แล้วถอนหายใจยาวๆ เสียอีกเฮือกหนึ่ง

  ตลอดชีวิต 19 ปี ศิขรินไม่แน่ใจว่าความลำบากเป็นอย่างไร เขายืนหน้ากระจก มองร่างสูงเพรียว ช่วงขายาวๆ แบบนักบาสเก่า ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากคุณนุ่นที่สมัยสาวๆ สวยหวานแบบไทยแท้ๆ ตากวางกลมโต จมูกโด่งปลายรั้นนิดๆ ริมฝีปากทรงกระจับสีน้ำตาลอ่อนรับกับผิวสีน้ำผึ้ง ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ออกจะมีเสน่ห์จนสาวๆ ในมหาวิทยาลัยหลายคนมาขอแลกไลน์

  เด็กหนุ่มหันซ้ายทีขวาทีพลางคิดว่าสารรูปแบบนี้จะหางานพิเศษอะไรทำดี จะใช้ชีวิตกึ่งคุณชายเรียนสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรอีกไม่ได้แล้ว เขาจัดการโทรหาโมเดลลิ่งเมื่อวันก่อนเพื่อขอนัดแคสติ้ง ซึ่งดูเหมือนรุ่นพี่คนงามจะบรรยายถึงเขาไว้มากโข

  “เอาวะ...ลองสักตั้ง” ศิขรินตบใหล่ซ้ายตัวเองสองที เผื่อได้ดีมีรายได้ขึ้นมา ทางบ้านจะได้ไม่ลำบากมากนัก

  ชายหนุ่มเลือกใส่กางเกงยีนส์สีซีดตัวเก่ง เสื้อเชิร์ตแขนยาวเข้ารูปสีฟ้าอ่อนดูเรียบง่าย รองเท้า Dr.Martens หนังกลับสีน้ำตาลใส่สบาย ตบท้ายด้วยกระเป๋าหนังสีน้ำตาลแบบสะพายข้างขนาดพอดีตัวที่ปกติใช้หิ้วหนังสือไปมหาวิทยาลัยก็เป็นอันเรียบร้อย เขาพับเสื้อยืดขาวหนึ่งตัวกับกางเกงว่ายน้ำตามที่โมเดลลิ่งสั่งใส่กระเป๋าไปด้วย

  หลังจากเปลี่ยนชุดสองสามแบบ และยืนโพสต์หน้ากล้องนานร่วมชั่วโมง การแคสติ้งก็ผ่านไปด้วยดี แถมพี่ช่างภาพ สไตล์ลิสหุ่นล่ำแต่งหน้าจัด และพวกพี่ๆ ทีมงานอีกสามสี่คนยังใจดีชวนเขาออกมาเลี้ยงข้าวเลี้ยงเบียร์เสียอีก

  “พี่ดันสุดฤทธิ์ค่ะน้องขา น้องรินหุ่นเพรียวหน้าหวาน พี่ว่าจะให้ดีต้องเล่นเวทเพิ่มกล้ามเนื้ออีกนิด ลีนๆ แบบนี้ก็ดี แต่พี่ชอบแบบมีลอนๆ ตรงท้องนิดนึง” พี่สไตล์ลิสที่จับเขาหมุนซ้ายหมุนขวาช่วยจัดท่าหน้ากล้องตอนแคสติ้ง ยกขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนกับเขาอย่างเมามัน

  “ไว้พี่ประชุมกับทีมงานอีกที อีกสองสามวันจะโทรหาเรานะ” พี่ช่างภาพที่เป็นหุ้นส่วนโมเดลลิ่งอธิบายอย่างใจดี

  ศิขรินเป็นคนคออ่อน...แต่ปฏิเสธคนไม่เป็น เจ้าตัวเลยดื่มเกินขนาดไปโข โชคดีที่เป็นเขาพวกเมาไม่ออกอาการ หน้าแดงๆ แต่ยังเดินตรง เขาขอตัวจากวงสังสรรค์ก่อนเที่ยงคืนเพื่อจะเดินกลับมาขึ้นรถไฟฟ้า ภาพข้างหน้าเริ่มเบลอๆ เมื่อถูกคนที่เดินสวนมาชนใหล่เข้าปึกใหญ่เจ้าตัวก็ออกอาการ

  “ขอโทษที ฉันมัวแต่มองทางอื่น” เสียงทุ้มเอ่ยขอโทษ มือแข็งคว้าแขนอีกคนที่เซจนเกือบล้ม

  “ฮึก....” นัยน์ตาคมฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในสายเลือดพยายามจ้องคู่กรณี “คุณผิดนะ ผม ผม ผม ฮึก...ฮือ” ประโยคกระท่อนกระแท่นจบด้วยน้ำตาใสๆ ที่เริ่มไหลจากตาแดงก่ำ

  คู่กรณีที่เป็นหนุ่มใหญ่ผิวขาวในชุดสูทอย่างดีทำหน้าไม่ถูก กลิ่นเบียร์หึ่งมาจากร่างเพรียวที่วาดแขนเกาะไหล่เขาไว้กันล้ม

  “เพราะภาวะเรือนกระจก ทำให้โลกร้อน ไฟป่าเลยใหญ่กว่าทุกปี คุณผิด! ” ศิขรินรู้สึกว่าผ่าเท้าตัวเองกลมเกลี้ยงเหมือนลูกโลก ยืนเซไปเซมาหาสมดุลไม่เจอ

  “คุณหิ้วถุงพลาสติก คุณทำผิดมาก...ฮือ อยากกินข้าวต้มร้อนๆ แต่ในปลามันมีไมโครพลาสติก ฮือๆ ” ศิขรินร้องไห้สะอึกสะอื้น คออ่อน เคยเมารักษาอาการ แต่ตอนนี้รั่ว

  ร่างสูงที่ถูกโหนราวต้นไม้ส่ายหัวกับพฤติกรรมของคนตรงหน้า เขาคิดจะผลักอีกคนออก แต่พอเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มแล้วก็อดสงสารไม่ได้ คนตัวย่อมกว่าร้องไห้สะอึกสะอื้นพรรณาเรื่องสิ่งแวดล้อมเสียงดังจนคนที่ผ่านไปมาอดมองอย่างสงสัยไม่ได้

  “เธอเมามากนะ ไหวไหมนี่”

  “คุณ” ร่างบางแยกเขี้ยว เอานิ้วชี้จิ้มอกล่ำๆ ใต้เสื้อสูทสีกรมท่า “ต้องรับผิดชอบ”

  “นี่เธอ...อ้าว!!! ” ไม่ทันขาดคำตัวเจ้าปัญหาก็กอดเขาแน่นและปล่อยโฮออกมากลางถนน น้ำหูน้ำตา ขี้มูกไหลพราก จากนั้นก็หลับกลางอากาศทั้งที่ยังโหนเขาไว้แน่น

  บันเทิงแน่ล่ะงานนี้...

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down