About
Table of Contents
Comments

  ปุยเมฆเหนือน่านฟ้า ขาวราวกับนุ่นเกาะเป็นแพผืนใหญ่ จริงตามคำประกาศของกัปตันที่ว่า วันนี้เมฆมาก และนั่นก็ทำให้ฤชุดาแทบจะเอาหน้าติดกับหน้าต่างเครื่องบิน อย่างมิอาจถอนสายตาไปจากมันได้

  นี่เป็นแค่การบินภายในประเทศ ซึ่งมีระยะทางสั้นๆ เธอจึงไม่ชอบที่จะงีบและงุ่นง่านตื่นขึ้นมาอีกที ตอนที่กำลังจะหลับลึก ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะมอบความสนใจ ออกสู่ภายนอก มากกว่าที่จะนั่งนิ่ง เพื่อมองผู้คนที่อยู่ในอิริยาบถซ้ำๆ ที่มีทั้งตั้งหน้าตั้งตาเปิดกล่องอาหารขนาดเล็ก หรือไม่ก็นั่งสายตาเหม่อลอยอย่างซังกะตาย

  แน่ล่ะ ภาพเหล่านี้เธอเจอมาจนชินเสียแล้วนี่ เธอชอบเดินทางบ่อย พอๆกับชอบเหม่อออกนอกหน้าต่าง ทั้งที่แสงสว่างจากด้านนอก ทำให้ใครบางคน ถึงกับดึงม่านปิดลงมาอีกที แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่อย่างนั้นแน่ เพราะมุมมองที่ไต่ระดับต่างไป มันมักจะเป็นตัวจุดจินตนาการเธอให้โชติช่วง และชอบจะคิดอะไรดีๆได้ในเวลานี้เสมอ

  สิ่งไร้ชีวิต รูปร่างแปลกตา ที่กำลังบดบังเบื้องล่างเอาไว้ ให้เธอถูกจับแยกราวกับตัวเองเป็นเทพธิดา พอคิดอย่างนั้นแล้วสาวหน้าคมก็เผลอยิ้มกริ่มออกมาเพียงลำพัง และยังเพลินนึกไปถึงหงอคงขี่เมฆสีทอง เป็นไปได้ยังไงหนอ ที่เจ้าหางลิงไม่หล่นตุ๊บลงไป เมฆแสนบอบบางซะขนาดนั้น คนแต่งก็ช่างคิดมาได้

  แต่เธอก็เชื่ออีกอย่างหนึ่ง ว่านั่นแหละคือความเป็นไม่ได้ ที่มนุษย์ชอบกันนัก เธอเลยเลือกที่จะนำความเพ้อฝัน มาต่อเติมเป็นเรื่องราว จากความเป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้ แม้จะเป็นเพียงตัวหนังสือในนิยายเรื่องแล้วเรื่องเล่าของตัวเองก็ตามที

  เวลาต่อจากนั้นเพียงไม่นาน เสียงจากแอร์โฮสเตสสาว ก็ออกมาบริการชา กาแฟ อันเป็นสัญญาณว่านี่คืออาหารทิ้งท้าย ที่อีกไม่นานเครื่องจะร่อนลงสู่พื้นดินแล้ว

  หากแต่เสียงหวานๆ และใบหน้ายิ้มแย้มนั้นก็ยังดึงความสนใจจากเธอไม่ได้ เพราะเอาแต่ลุ้นระหว่างที่เครื่องกำลังจะไต่ระดับลงทีละนิด เผื่อสายตาซุกซนของเธอจะเจอเข้ากับหงอคง หรือไม่ก็เทวดาตัวน้อยๆซ่อนอยู่ตามชั้นเมฆ

  แต่ไม่เลย เธอยังคงเห็นมันเป็นเพียงเมฆ ที่ค่อยๆกลายเป็นกลุ่มควัน ไม่ยักกะน่ากินเหมือนขนมปุยฝ้าย เสียเวลาเฝ้าลุ้นชะมัด เพราะสุดท้ายเมฆเหล่านั้น ก็ไม่ต่างกับควันสีขาวจากท่อไอเสียที่เจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

  คล้ายกับความรัก ที่มองดูแสนสวยงาม ในยามที่มองอย่างห่างไกล หากแต่พอได้สัมผัสเข้าจริงๆ ก็เหมือนกับควันไฟที่ลอยเข้าตาให้แสบจนน้ำตาไหล จะรักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็จบลงที่ควันพุ่งเข้าตา ให้เธอต้องถอยห่างมาเอง

  ไม่เคยต่างกันเลยสักครั้ง

  แต่แปลกเหลือเกิน เธอผู้ที่เคยแต่เจ็บช้ำกับความรัก กลับแต่งนิยายรักให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองติดกันงอมแงม ทว่าตัวเองกลับช้ำซ้ำซาก จนต้องถอยห่างออกจากคำว่ารักเสียหลายปี แต่ก็ยังคงรู้สึกดีกับสิ่งที่เป็น เพราะควันขาวที่เคยมองอย่างสวยงาม ตอนนี้ยังห่างไกลรัศมีดวงตา ที่ไม่มีทางจะมาทำร้ายให้ระคายเคือง จนต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว

  ในที่สุดก็ได้เวลาหลุดจากภวังค์ความคิด ขณะล้อกระแทกกับพื้นท่าอากาศยาน จากนั้นการเบียดเสียดแย่งกันลงจากเครื่อง ก็เริ่มดำเนินขึ้น ให้สาว

เลือก

คิวบ๊วยอย่างเธอ อ้อยอิ่งทำเป็นยุ่งอยู่กับการเปิดมือถือ และจับกล่องอาหารไว้ใส่กระเป๋าสะพายอีกที

  จนกระทั่งคนเริ่มโล่งนั่นล่ะ ขายาวจึงได้พยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน และเดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน

  การเดินทางมาภูเก็ตครั้งนี้ เป็นการให้รางวัลตัวเอง หลังจากปิดต้นฉบับอลังการ เล่มหนาปึ้ก ส่วนการตอบรับจะเป็นเช่นไร ตอนนี้สมองไม่พร้อมจะรับเรื่องใดทั้งนั้น นอกจากการดึงตัวเองออกมาสู่โลกความเป็นจริงอย่างผ่อนคลาย เพราะอิทธิพลตัวละครแสนเครียด ยังคงลอยเวียนอยู่ในหัว ให้เธอแทบลืมรอยยิ้มไปเป็นเดือนเลยทีเดียว

  และการมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่รางวัลชีวิต แต่มันหมายถึงการเป็นหมากตัวหนึ่ง ในเกมส์รักของใครบางคน ที่เหมือนจะผ่านมานาน หากแต่ความชอกช้ำยังคงเกาะกินจิตใจ จนเกิดเป็นความแค้น โดยมีเธอเป็นตัวล่อ ที่ได้ถูกตั้งความหวังเอาไว้ว่า จะสามารถปกป้องความรู้สึกของตัวเองได้ดีที่สุด

  แน่นอน นี่ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เธอต้องพกหัวใจใครอีกคนตามไปด้วย ช่างเป็นความรักในอีกมุมที่ไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะรักไม่ได้จบลงอย่างที่คนบนเกาะต้องการ หากแต่มันกลายเป็นความชิงชัง โดยทิ้งภาระทั้งมวลให้เธอเป็นผู้แบกรับ จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น

  เมื่อสัมภาระถูกดึงมาจนครบ เธอก็ตรงดิ่งไปยังผู้ที่ถือป้าย บายาวี อันเป็นชื่อรีสอร์ตและชื่อเดียวกับเกาะที่เธอกำลังจะเริ่มบทแรกของนิยายชีวิต

  ซึ่งความสะดวกสบายทั้งหมด ผู้ว่าจ้างคนสนิทได้เตรียมไว้ให้อย่างเปรมอุรา แถมยังบอกไว้อีกว่า เกาะแห่งนี้เงียบสงบแต่ก็ทันสมัย ใช้เวลาเดินทางนั่งเรือไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย

  ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเล โดยไม่เฉลียวใจเลยสักนิด ว่างานที่รับปากง่ายๆ อาจจะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปเลยก็ได้

  “คุณมาจากบายาวีรีสอร์ตใช่มั้ย” ฤชุดาถามกับพนักงานสาวที่รีบยิ้มรับทันที ก่อนจะถามเสียงไพเราะอย่างฝึกมาอย่างดีว่า “คุณฤชุดา ชาญไทยณรงค์ใช่มั้ยคะ”

  พอเห็นอีกคนพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับยื่นเอกสารการสั่งจองที่พักไปให้ พนักงานหนุ่มอีกคน ก็รีบเดินเข้ามาลากสัมภาระ ให้เธอเดินตามไปที่รถตู้ของรีสอร์ตทันที

  “ไม่รอแขกคนอื่นอีกเหรอ” ฤชุดาถาม เมื่อเข้าไปนั่งประจำที่ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย

  “รอบนี้มีคุณคนเดียวค่ะ” พนักงานสาวที่ติดชื่อที่หน้าอกว่า กานดา หันหน้ามาตอบอย่างเป็นมิตร

  “มาเท่าไหร่ ก็รับเท่านั้น มาคนเดียวก็พาไปเดี่ยวๆเลยเหรอ”

  “ค่ะ เราไม่อยากให้แขกต้องเสียเวลารอ เพราะรีสอร์ตเราบริการอย่างเต็มที่ ไม่มีเกี่ยงค่ะ”

  “อ๋อ ดีเนอะ เลือกมาไม่ผิดที่ ฉันก็ไม่ชอบรอ ไม่ชอบกรุ๊ปทัวร์เยอะๆด้วย โชคดีเป็นบ้า ว่าแต่ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ รีสอร์ตไม่เปลืองแย่เหรอ” ฤชุดายังคงชวนคุย เหมือนจะเก็บข้อมูลจากสิ่งรอบตัวไปด้วย

  ซึ่งก็เป็นนิสัยเฉพาะของนักเขียนอย่างเธอ ที่มักจะมองอะไรละเอียดไปนิด แต่ก็เป็นผลดีให้นิยายมีความสมจริง มากกว่าจะจับฉ่ายเดามั่วไปเรื่อย

  “ไม่เปลืองหรอกค่ะ ทางเราต้องการความแตกต่าง ที่จะต้องสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดค่ะ”

  “ฟังซะประทับใจเลยนะเนี่ย” ลูกค้าสาวพูดแล้วเลื่อนตัวไปติดหน้าต่างรถ เธอทำราวกับชีวิตนี้ขาดมันไม่ได้

  จากนั้นบ้านเมืองร้านรวงต่างๆ ที่ดูแปลกตาไปจากเมืองกรุง ก็กำลังถูกบันทึกเก็บใส่สมองอย่างอัตโนมัติ

  และความเพลิดเพลินนั้น ก็เหมือนจะเกี่ยวแขนกันไปตลอดทาง ทั้งที่ตอนนี้ได้ย้ายตัวเองมาอยู่ท่ามกลางเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ของทะเลอันดามัน ซึ่งตลอดเวลาจะมีลมทะเลพัดมาปะทะใบหน้า จนเธอต้องจับเอาแว่นกันแดดขึ้นมาป้องกันสายตาเอาไว้อีกที

  เสียดายก็แต่ speed boat ลำนี้ ไม่มีหน้าต่างกระจกให้แอบอิง เธอเลยต้องท้าวคางมองวิวรอบตัวไปอย่างรู้สึกขาดๆอะไรไปกับชีวิตจังหนอ

  ครั้นสิ่งรอบตัว เริ่มจะดึงหนังตาให้ผลุบต่ำ แต่เธอก็ต้องเบิกตาโพลงอีกครั้ง เมื่อคนขับเรือหันหน้ามาบอกว่า เรือใกล้จะเทียบท่าแล้ว พร้อมกับสิ่งที่เห็นอยู่ลิบๆ ก็ทำให้ฤชุดาใจเต้นตุบตับ ใส่บรรยากาศที่เพียงมองไกลๆ ก็แทบจะทำให้เธอถลาลงไปเสียแต่ตอนนี้เลย

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down