Home/ หย่ากันเถอะ ฉันต้องไปสืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Ongoing
ฉันละทิ้งมรดกเพื่อแต่งงานกับผู้ชายยากจน แต่เขากลับนอกใจฉัน!
About
Table of Contents
Comments (5)

ปลายฤดูใบไม้ร่วงในเมืองหลานโจว อากาศหนาวจัดและมีฝนตกบ่อยครั้ง

เสิ่นชูยืนอยู่ในสวนและเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างของเธอสั่นสะท้านตลอดเวลา

คนรับใช้ของตระกูลป๋อเดินผ่านไปผ่านมา พวกเขาผ่านไปมาหลายครั้งแต่ไม่มีใครหยุดถามไถ่ ราวกับว่าเสิ่นชูไม่มีตัวตน พวกเขานำทางแพทย์ในชุดเสื้อคลุมสีขาวเข้าไปในวิลล่าอย่างนอบน้อม

ไม่มีใครสนใจเสิ่นชู ไม่มีใครเหลือบสายตามองเธอผู้เป็นนายหญิงที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลป๋อ

ลึก ๆ แล้วเสิ่นชูยังรู้อีกด้วยหลังจากอยู่กับครอบครัวป๋อมานานกว่าสามปีว่าเธออาจไม่มีความสำคัญเทียบเท่ากับสุนัขที่น้องสาวของป๋อมู่เหนียนเลี้ยงเอาไว้

ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้สนิทสนมอะไรกับหลินเซียงหยาพี่สะใภ้ของป๋อมู่เหนียน เขารักหลินเซียงหยามากกว่าสิ่งใด

เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเสิ่นชูและหลินเซียงหยาตกลงไปในสระว่ายน้ำด้วยกัน ส่วนที่ลึกที่สุดของสระลึกเพียงหนึ่งเมตรครึ่ง กระนั้นป๋อมู่เหนียนกลับรีบพุ่งตัวลงไปในน้ำและช่วยหลินเซียงหยาทันทีโดยไม่แม้จะชายตามองเสิ่นชูที่ยังคงดิ้นรนอยู่ในน้ำ

เขาวิ่งกลับไปที่วิลล่าพร้อมกับหลินเซียงหยาพี่สะใภ้ของเขาในอ้อมแขน หลังจากนั้นเขายังสั่งให้ตามแพทย์ที่ดีที่สุดในเมืองมาตรวจร่างกายของหลินเซียงหยา

ทุกคนในครอบครัวป๋อรุมล้อมหลินเซียงหยา ตรงกันข้าม พวกเขาปฏิบัติต่อเสิ่นชูราวกับเธอเป็นขยะไร้ค่าและอากาศธาตุ ไม่มีคำพูดแสดงความห่วงใยต่อเสิ่นชูแม้แต่น้อย

เสิ่นชูลากฝีเท้าพาร่างที่อ่อนล้าของเธอกลับไปที่ห้องอย่างเชื่องช้า เธออาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอนชุดเก่า ปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่ออบอุ่นร่างกาย เธอผล็อยหลับไปจากการที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก่อนที่จะทันรู้ตัว

..…..

"ลุกขึ้น!"

เสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหูของเสิ่นชู

เสิ่นชูลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นผ้าห่มบนร่างของเธอถูกเปิดออก เมื่อเห็นว่าเป็นป๋อมูเนียน ดวงตาของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

“มู่เหนียน เซียงหยาเป็นอย่างไรบ้าง” เสิ่นชูลึกขึ้นนั่ง ใช้มือถูนวดขมับ เธอเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของป๋อมู่เหนียน เธอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ได้ผลักเธอ”

ป๋อมู่เหนียนมองมาที่เธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขากล่าวอย่างเย้ยหยัน “ลุกขึ้น ตามผมไปที่ห้องโถงบรรพชน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เสิ่นชูตื่นเต็มตาในทันที เธอมองไปที่ป๋อมู่เหนียนอย่างไม่เชื่อสายตา เธอฝืนต่อความเจ็บปวดในร่างกายและถามเขา “คุณหมายความว่าอย่างไร”

"ขอขมา" ป๋อมู่เหนียนไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอ เขาลากเสิ่นชูออกจากห้องราวกับว่ากำลังลากสิ่งสกปรก

ป๋อมูเหนียนขุ่นเคืองใจอย่างมากและไม่ต้องการพูดอะไรกับเสิ่นชูอีก ร่างกายของหลินเซียหยาอ่อนแอและไม่แข็งแรงอยู่แล้ว แม้จะรีบเรียกหมอทันทีหลังจากที่เธอตกน้ำ แต่ลูกในท้องของเธอก็ยังเอาชีวิตไม่รอด

เด็กคนนั้นเป็นสายเลือดเดียวของพี่ชายของเขา แต่เพราะเสิ่นชู เด็กจากไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ

เมื่อเสิ่นชูรับฟังคำบอกเล่าของเขา เธอนิ่งงัน รู้สึกราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าในอ่างน้ำเย็นในฤดูหนาว ความรู้สึกที่ทำให้ขนลุกไปทั้งตัว

ห้องโถงบรรพชนของตระกูลป๋อเป็นสถานที่ที่อันตราย คนสุดท้ายที่เข้าไปที่นั่นไม่กลับออกมาอีกเลย

“มู่เหนียน ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ ฟังฉันนะ...” เสิ่นชูพยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของป๋อมู่เหนียนแต่ก็ไร้ประโยชน์ ความเจ็บปวดทำให้เธอสีหน้าของเธอซีดเผือด เขาจับเธอแน่นขึ้น

“ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดกับตระกูลป๋อ” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นจากเบื้องหน้า เสิ่นชูเดินโซซัดโซเซตามหลังป๋อมู่เหนียน เธอลอบมองเสี้ยวหน้าของป๋อมู่เหนียน เธอยอมเสี่ยงตัดสัมพันธ์กับครอบครัวเพื่อแต่งงานกับเขาเพราะรูปลักษณ์ที่ดีของเขา

แต่นับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขา เขาไม่เคยแสดงความเมตตาต่อเธอเลย

เธอเชื่อมาตลอดสามปีว่าไม่ว่าหัวใจของเขาจะเย็นชาพียงใดเธอจะสามารถละลายมันได้ แต่ทว่าเธอคิดผิด ในสายตาเขามีเพียงหลินเซียงหยาเท่านั้น

ความอ่อนโยนของเขามีเพื่อหลินเซียงหยาเพียงผู้เดียว ราวกับว่าเขามอบหัวใจทั้งหมดให้กับหลินเซียงหยา

"ปล่อยฉัน" รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าของเสิ่นชู เสียงของเธอราบเรียบ “ฉันเดินเองได้”

ป๋อมู่เหนียนมองเธอด้วยแววตาที่ฉายแววรังเกียจในดวงตาดำขลับของเขา เขาเม้มริมฝีปากและระงับความโกรธไว้ในใจ จากนั้นสาวเท้าเดินต่อไปยังห้องโถงบรรพชน

เสิ่นชูมองแผ่นหลังของเขา สามปีที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องตลกในความรู้สึกของเธอ

เธอเดินเท้าเปล่าสวมเสื้อคลุมชุดนอนยาวถึงเข่า ก้าวเดินไปยังโถงบรรพชนที่สว่างไสวทีละก้าวทีละก้าว เขาไม่ให้เวลาเธอใส่รองเท้าด้วยซ้ำ

เธอจำได้ชัดเจนถึงเมื่อสองวันก่อน ป๋อมู่เหนียนนั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้าหลินเซียงหยา ช่วยเธอสวมถุงเท้าและรองเท้าหนัง เพราะเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอกด้วยรองเท้าแตะ

เขายังกำชับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเธอต้องทำตัวให้อบอุ่นและดูแลตัวเองให้ดี

เสิ่นชูยิ้มเหยียด การอยู่ในครอบครัวป๋อเป็นเรื่องตลก

สมาชิกในครอบครัวป๋อกำลังรอเธออยู่ที่ห้องโถงบรรพชน

"คุกเข่าลง" ดวงตาใต้คิ้วของชายชรานั้นดุร้ายและโหดเหี้ยมราวกับมีดแทงเข้าไปในหัวใจของ เสิ่นชู มันเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก

ใบหน้าของเสิ่นชูแดงก่ำเพราะพิษไข้ เธอมองไปที่กลุ่มคน ทุกคนมองว่าเธอเป็นปีศาจ

แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเธอต้องคุกเข่า

เสิ่นชูยืนอยู่ที่นั่นและพูดช้า ๆ “ฉันจะไม่คุกเข่า”

เมื่อเห็นว่าเสิ่นชูไม่ยอมจำนน นายท่านป๋อบันดาลโทสะ เขาเหวี่ยงถ้วยในมือลงไปที่เท้าของเสิ่นชู เขาคำราม “คุกเข่าลง”

เศษกระเบื้องแตกบาดเข้าที่เท้าของเสิ่นชู ความเจ็บปวดทำให้เธอหายใจไม่ออก

เมื่อเห็นว่าเสิ่นชู ไม่เกรงกลัวสักนิด นายท่านป๋อเกรี้ยวกราดหนักขึ้น “เสิ่นชู คุกเข่าลงและขอโทษเดี๋ยวนี้”

เสิ่นชูฝืนต่อความเจ็บปวดและยืดตัวตรง เธอมองไปที่นายท่านป๋ออย่างไม่หวั่นเกรงและพูดขึ้นว่า

"ฉันไม่ได้ผลักพี่สะใภ้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะไม่คุกเข่าขอโทษ”

“หล่อนดูไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย ตีหล่อนให้คุกเข่า” นายท่านป๋อชี้ไปที่เสิ่นชูด้วยโทสะ

“ใช่ เสิ่นชูทำเกินไปแล้ว หล่อนไม่เพียงแต่ทำร้ายลูกของหลินเซียงหยาเท่านั้น แต่หล่อนยังไม่ยอมรับผิดอีกด้วย”

"ถูกต้อง ถ้าเราไม่ให้บทเรียนกับหล่อน ใครจะรู้ว่าหล่อนจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีก”

“คุณชายใหญ่ป๋อผู้น่าสงสาร ท่านสูญเสียลูกคนเดียวไปแล้ว”

......

ทุกคนมองไปที่เสิ่นชู ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาดที่น่าขยะแขยง สายตาของพวกเขาราวกับจะหั่นเธอเป็นชิ้น ๆ

เสิ่นชูยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบและมองไปที่พวกเขา มีเพียงซู่ซิ่วแม่สามีของเธอผู้ที่ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีเสมอมา ห่วงใยเธอ

เมื่อเห็นว่าเท้าของเธอมีเลือดออก ฉินซิ่วรู้สึกเห็นใจเสิ่นชู เธอเงยหน้าขึ้นมองนายท่านป๋อ และพูดว่า "เสิ่นชู ยังเด็กอยู่ เธอรู้แล้วว่าเธอทำอะไรลงไป ทำไมเราไม่...”

นายท่านป๋อถลึงตามองฉินซิ่ว เธอสงบปากไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก

เมื่อเห็นว่าเท้าของเสิ่นชูเต็มไปด้วยเลือด เธอเดินไปหาป๋อมู่เหนียน กระซิบว่า “มู่เหนียน เสิ่นชูได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นภรรยาของเธอ พาเธอไปพักผ่อน...”

ดวงตาสีเข้มของป๋อมู่เนียนเย็นชาขึ้น เขาพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ผมไม่มีภรรยาที่เลวทรามเช่นนี้”

เสิ่นชูมองไปที่ป๋อมู่เหนียนอย่างไม่เชื่อสายตา ป๋อมู่เหนียนเอียงหน้าสบตาเสิ่นชู ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังในขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชา “เสิ่นชู ตอนนี้เธอพึ่งได้แค่ตัวเองเท่านั้น”

เมื่อคิดว่าลูกของพี่ชายกลายเป็นกองเลือด ความเกลียดชังในดวงตาของเขาก็ทวีขึ้น เขาดึงฉินซิ่วออกห่างและรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยเมื่อต้องยืนอยู่ข้างกายเสิ่นชู

น้องสาวของป๋อมู่เหนียนไม่ลงรอยกับเสิ่นชูมาโดยตลอด เธอเดินไปเตะขาของเฉินเหยียนด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ “บังคับให้เธอคุกเข่า” เสิ่นชูยืนตัวตรง เอียงหน้าจ้องมองไปที่ป๋อมู่ฉิง “คุกเข่าลงสิ เธอเชิดหน้าชายตามองเสิ่นชูอย่างเย้ยหยัน เอ่ยสำทับขึ้น "คุณปู่สั่งให้เธอคุกเข่าลง" จากนั้นเธอเตะเข่าของเสิ่นชูครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นว่าเสิ่นชูยังคงดื้อรั้น เธอจึงก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าเธอ และแล้วเธอเตะเข้าที่ขาพับของเสิ่นชูอย่างแรง

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down