“ถ้าคุณยังขืนก้าวเข้ามาในห้องผมอีกแค่ก้าวเดียวผมปล้ำ”“คิดหรือว่าฉันจะกลัวคำขู่ของคุณ คนอย่างฉันยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ”ทรรศิกาก้าวเข้าไปยืนประชิดตัวเขา พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาท้าทาย“ผู้หญิงก๋ากั่น บุกรุกเข้าห้องนอนผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ไม่รู้จักกลัวอันตรายซะบ้างเลย”“อย่าพูดให้ขำดีกว่า หมอเนิร์ดอย่างคุณนะหรือจะกล้าปล้ำผู้หญิง ทำเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้”“ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยดีไหม จะได้รู้คำตอบที่แน่นอนไปเลย”“ได้...ว่าแต่กล้าพอหรือเปล่า” ทรรศิกาชะโงกหน้าไปกระซิบที่ข้างหูเขา ก่อนจะจรดริมฝีปากบางลงบนต้นคอหมอหนุ่มตรงแอ่งชีพจร และไล้ระขึ้นไปจนถึงใบหูอติรุจต้องสะกดกลั้นอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างมาก ที่จะไม่จัดการกับแม่ตัวดีด้วยการกดเธอลงบนเตียงและสั่งสอนให้เข็ด เพื่อให้สาสมกับที่กล้ามาลองดีกับเขา แต่เขาต้องพยายามยืนนิ่งเฉย ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้มีผลอะไรกับเขาสักนิด ทั้งที่สัมผัสของเธอมันทำให้เขาเสียวซ่านไปทุกอณูเลยก็ว่าได้ เขาทำเพียงแค่ตอบกลับไปว่า“ผมชอบผู้หญิงที่มีประสบการณ์มากกว่าผู้หญิงที่ไม่ประสีประสา แต่ชอบทำท่าก๋ากั่นอย่างคุณ”“ไม่ลองแล้วจะรู้คำตอบหรือคะ ฉันเป็นคนเรียนรู้ไวนะคะ คุณไม่ต้องสอนมากหรอก แค่แนะนำเทคนิคนิดหน่อย เดี๋ยวฉันก็จะทำให้คุณร้อนและเร้าใจได้แน่ ไม่เชื่อจะลองดูก่อนก็ได้นะ”ที่จริงทรรศิกาก็รู้สึกเขินอายอยู่เหมือนกันที่พูดออกไปแบบนั้นอติรุจใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้เอื้อมไปจับปลายจมูกรั้นนั้นบีบเบาๆ อย่างเอ็นดูระคนอ่อนใจในความก๋ากั่นของหญิงสาว“แก่แดดทำมาเป็นพูดดี ถ้าผมทำขึ้นมาจริงๆ ละก็ คุณเองนั่นแหละที่จะร้องไม่ออก หรือไม่ก็อาจจะติดใจในรสสวาทของผม”
คุณหญิงทิพย์มณีนั่งอ่านพาดหัวข่าว หนังสือพิมพ์หลายฉบับของเช้าวันนี้แล้วของขึ้น สั่งเรียกยาหอมยาดมจ้าละหวั่น
‘ชะนีไฮโซตัวแม่’ ถูกจับในงานปาร์ตี้มั่วยาที่คอนโดหรูย่านดัง แหล่งมั่วสุมแห่งใหม่ของคนไฮโซ
‘ทรรศิกา’ ไฮโซสาวฉาวไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ล่าสุดถูกจับตรวจหาสารเสพติดพร้อมคู่ควงคนใหม่ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง
หลานสาวคุณหญิงทิพย์มณี ไม่หยุดสร้างข่าวฉาว เมารัก เมารั่ว คั่วคู่ควงคนใหม่ในงานปาร์ตี้มั่วยา
คุณหญิงสุดที่จะทนกับพฤติกรรมเลวๆ ของทรรศิกา หลานกำพร้าเพียงคนเดียวของตนเอง ถึงกับออกคำสั่งให้เด็กไปตามแม่ตัวดีลงมาพบอย่างเร่งด่วน
ตัวปัญหาลงมาพบคุณย่าในสภาพเมาค้าง เพราะเพิ่งจะนอนพักไปได้เพียงสามชั่วโมง
ทันทีที่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณหญิงทิพย์มณี หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังหลายฉบับที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวีรกรรมของเธอเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาก็ลอยมาตกลงตรงหน้า
“งามหน้าจริงๆ หลานสาวฉัน ขยันเป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน ฮึ! แล้วแบบนี้จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เสียงของผู้เป็นย่าตวาดลั่น
หญิงสาวทำหน้าเมื่อย ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์เหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกเป็นข่าวเกรียวกราวบนหน้าหนังสือพิมพ์
“ก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละค่ะคุณย่า อย่าสนใจข่าวไร้สาระพวกนี้เลยนะคะ พวกนักข่าวก็ชอบใส่สีตีไข่เขียนข่าวเกินจริงแบบนี้ล่ะค่ะ คุณย่ายังไม่ชินอีกหรือคะ” หลานสาวคนสวยบอกพร้อมโบกมือไปมา
“ทรรศิกา!” ประมุขของบ้านเขมะสิริกุลเรียกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง พร้อมกับยกมือกุมขมับ
หลานสาวเพียงคนเดียวที่เธออุตส่าห์เลี้ยงมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ทั้งรักและทะนุถนอม ตามใจทุกอย่าง เพราะหวังจะให้สืบทอดกิจการต่อจากตน แต่ดูเหมือนว่าแม่ตัวดีจะไม่ได้ดั่งใจ เรียนจบมาตั้งนาน งานการก็ไม่ยอมทำ ดีแต่ทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน แล้วแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คุณเทย่าอย่ายั่วโมโหคุณหญิงค่ะ” คนสนิทของคุณหญิงที่เลี้ยงดูหญิงสาวมาตั้งแต่เล็กเอ่ยเตือน
“โอเคค่ะป้าสร้อย” ทรรศิกาเอ่ย ก่อนจะหันไปพูดกับคุณหญิงย่า
“เทย่าผิด เทย่าขอโทษ พอใจหรือยังคะคุณย่า” ทรรศิกาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน โดยไม่รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองนั้นมันผิด
“นี่แกยังไม่สำนึกตัวอีกหรือ ที่ผ่านมาทำแต่เรื่องงามหน้า ให้ย่าต้องคอยตามล้างตามเช็ดไม่หยุดหย่อน คราวก่อนเมาแล้วขับรถชนคน คดียังคาอยู่ในศาล แล้วนี่อะไรถูกจับปาร์ตี้มั่วยาพร้อมตรวจหาสารเสพติด งามหน้าจริงๆ หลานฉัน มีเรื่องเลวๆ อะไรอีกไหมที่แกยังไม่ได้ทำ”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ทรรศิการู้ว่าครั้งนี้ย่าของเธอโกรธมาก แต่เธอก็รับฟังคำตำหนิติเตียนของคุณหญิงย่าแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะเป็นคำพูดที่มักจะได้ยินอยู่เสมอยามที่ตนเองได้สร้างปัญหากวนใจท่าน
และเธอก็เป็นคนที่ขยันสร้างปัญหาซะด้วยสิ!!
จึงต้องรับฟังคำพูดเหล่านี้อยู่บ่อยครั้งจนชิน ยอมทนฟังหน่อยเดี๋ยวพอคุณย่าหายโกรธ ทุกอย่างก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติ
ทรรศิกายิ้มหวาน พร้อมกับลุกขึ้นไปโอบกอดผู้สูงวัยอย่างประจบเอาใจ “คุณย่าอย่าไปใส่ใจข่าวพวกนี้เลยนะคะ อีกไม่นานคนเขาก็ลืมกันไปเอง”
เพราะทะนงตนว่าเป็นหลานเพียงคนเดียวที่ท่านรักและตามใจ ทะนุถนอมเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ แม้จะเคยทำความผิดมากมายแค่ไหน ท่านก็ให้อภัยทุกครั้ง แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้!!
“ถ้าไม่เห็นโลงศพ...ก็คงจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน คลายอ้อมกอด มองหญิงชราด้วยความสงสัย
“คุณย่าหมายความว่ายังไงคะ”
“นับจากนี้เป็นต้นไปย่าจะสั่งระงับเงินในบัญชี และระงับบัตรเครดิตทุกใบของเทย่า รวมถึงยึดกุญแจรถสปอร์ตคันหรูคืน”
“คุณย่าทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณย่าไม่ให้เงินเทย่า แล้วเทย่าจะเอาที่ไหนใช้ล่ะคะ” ทรรศิกาโอดครวญ
“ยากตรงไหน...ก็หัดใช้มันสมองและสองมือหาเลี้ยงตัวเองสิ และถ้ายังไม่ยอมปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ย่าจะตัดเทย่าออกจากกองมรดก สักบาทก็จะไม่ยกให้ และจะนำทรัพย์สินทั้งหมดไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศล” คุณหญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นก็หันไปสั่งงานคนสนิทของตนเอง
“สร้อยเดี๋ยวเธอไปเอากุญแจรถของคุณเทย่ามาให้ฉันที่ห้อง”
“ค่ะคุณหญิง”
ทรรศิกาถลาตาม ไปยึดแขนหญิงชราไว้ เมื่อเห็นว่าคุณย่ากำลังจะเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณย่า...”
“ต่อไปเทย่าจะปรับปรุงตัวเอง ไม่ดื้อ ไม่สร้างปัญหาอีกแล้วนะคะ” เธออ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน สีหน้าสำนึกผิดเต็มที่
คุณหญิงทิพย์มณีเหลียวมองหลานสาวนิ่งนาน ทรรศิกาได้ทีรีบฉีกยิ้มหวานหยดที่เคยใช้ได้ผลเสมอส่งให้ แต่เธอก็ต้องยิ้มค้าง เมื่อคุณย่ายังคงเฉย หญิงชราปลดมือเธอออก
“หมดเวลาแก้ตัวแล้วเทย่า ที่เธอเหลืออยู่คือเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเอง”
“คุณย่าใจร้าย!”
คุณหญิงทิพย์มณีไม่สนใจคำตัดพ้อของหลานสาว และเดินออกไปจากห้องโดยมีสร้อยเดินตามไปด้วย
ทรรศิกามองตามหลังคุณหญิงทิพย์มณีไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด ไม่นานก็ยักไหล่
‘ปล่อยไปสักวัน สองวันก่อน รอให้คุณย่าหายโกรธ แล้วค่อยไปออดอ้อนประจบเอาใจ เพื่อขอให้คุณย่ายุติการลงโทษเธอด้วยวิธีนี้’ หลานสาวคุณหญิงคิดคำนึงในใจ