About
Table of Contents
Comments (1)

  เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังออกมาจากเรือนของท่านแม่ทัพเลื่องชื่อ วาจาออดอ้อนของหญิงคณิกาอันดับต้น ๆ จากหอโคมเขียวจำนวนมากถึงสิบนาง ล่อลวงให้คนฟังลุ่มหลงจนยากจะปฏิเสธ ส่วนเสียงหัวเราะของบุรุษ กลับมิได้ดังออกมาจากปากของตัวเจ้าของจวนเอง ทว่าคือองค์ชายรัชทายาทจากวังหลวง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา องค์ไท่จื่อพยายามที่จะชักชวนให้สหายกลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม ด้วยหลังเสร็จสิ้นศึกสงครามในคราวนั้นแล้ว หยางเหวินเย่ก็คล้ายจะทำรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งหายไปด้วย

  แม่ทัพหนุ่มรูปงามปล่อยให้หญิงสาวบีบนวดระหว่างร่ำสุรายามบ่ายกับสหายสูงศักดิ์ สีหน้าของหยางเหวินเย่มิได้ยินดียินร้าย หากหญิงงามนางใดจูบมา เขาก็โต้ตอบอย่างอ้อยอิ่งเกียจคร้าน หากนางใดเบียดตัวเข้าใกล้ ก็จะบีบตรงนั้นจับตรงนี้ไปตามเรื่อง หรือถ้าเกิดความต้องการมากเข้า เขาก็จะลากพวกนางเข้าห้องไปด้วยกัน จะสองหรือสามนาง ก็แล้วแต่อารมณ์ปรารถนา

  ทว่าความรู้สึกในวันนี้กลับต่างออกไป

  “ข้าเห็นชายหนุ่มสองคนยืนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าจวน จะมิเชื้อเชิญเข้ามาสักหน่อยหรือ”

  องค์ไท่จื่อเยว่หยาง สอบถามสหายหน้าตาย ขณะมือเรียวรินสุราไผ่เขียวชั้นดีที่นำออกจากวังหลวงมาด้วย ทุก ๆ สิบวัน เขาจะแวะมาเยี่ยมเยียนหยางเหวินเย่ แม้ปกปิดสถานะของตนดีแล้ว ทว่าก็ยังมิรอดพ้นจากความรอบรู้ของเหล่าหญิงงาม เพราะแค่รูปร่างและลักษณะที่มองปราดเดียวก็รู้แจ้งชัดแล้วว่า คุณชายท่านนี้มิใช่แค่ขุนนางธรรมดา

  เหล่านางคณิกาที่มาใหม่มักจะออดอ้อนเอาใจองค์ชายรัชทายาท ส่วนหญิงงามที่รู้งานดีอยู่แล้วมักจะออดอ้อนท่านแม่ทัพ เพราะหากหญิงใดทำให้หยางเหวินเย่พึงพอใจได้ สหายสูงศักดิ์ก็จะตกรางวัลให้อย่างงาม

  “อากาศร้อน ไม่อยากเสวนากับใคร” หยางเหวินเย่ผลักนางที่เบียดเขาจนน่ารำคาญออก

  “อยู่ข้างในยังร้อน พวกมันอยู่ด้านนอก จะมิลำบากแย่หรือ” องค์ชายร้องถามน้ำเสียงครึกครื้น ด้วยร้อยวันพันปี สหายผู้นี้ไม่เคยมีแขกจากต่างเมือง ยิ่งทั้งสองคือคุณชายรูปงาม ท่าทางมีฐานะ ก็ยิ่งอยากจะทราบว่ามีธุระอันใดแน่

  หยางเหวินเย่มีหรือจะกล้าขัดใจองค์ชายรัชทายาท เขาพยักหน้าออกคำสั่งให้บ่าวไปนำตัวคุณชายทั้งสองเข้ามาสอบถามเอาความว่าต้องการสิ่งใด

  “มีธุระอันใดกับข้า”

  เจ้าของจวนกล่าวถามอย่างที่องค์ชายอยากจะให้ถาม

  คุณชายทั้งสองเกี่ยงกันมิยอมเอ่ย คำพูดที่เตรียมมาเสียดิบดี กลับมิกล้ากล่าวต่อหน้าท่านแม่ทัพมากความสามารถ หลังจากมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ผู้ที่คล้ายจะสูงวัยกว่าสักหนึ่งหรือสองปีก็ยอมเอ่ยปาก

  “ท่านแม่ทัพหยาง ข้าและน้องชายเดินทางมาจากเมืองเทียนโจวด้วยความยากลำบาก และมีเรื่องสำคัญประการหนึ่งอยากจะร้องขอต่อท่าน”

  “มีเรื่องอันใดก็รีบเอ่ยมา อย่าชักช้าให้มากความ!”

  องค์ไท่จื่อเยว่หยางอดใจมิไหว ตวาดสองพี่น้องที่ดูแล้วอย่างไรก็อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสองปี

  “คุณชายอย่าเพิ่งมีโทสะ พี่ชายของข้ากำลังจะเอ่ยขอเดี๋ยวนี้แล้ว” คุณชายผู้น้องกระตุกแขนเสื้อพี่ชายเต็มแรง

  “เรื่องที่พวกข้าอยากจะขอ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก ทว่าหัวใจรักยากนักที่จะห้ามปรามมิให้รู้สึก จึงจำต้องเอ่ยถ้อยความที่ไม่เหมาะสม หากคำของข้าทำให้ท่านแม่ทัพหยางขุ่นเคืองใจไปบ้าง...”

  “จะเข้าเรื่องได้หรือยัง” หยางเหวินเย่วางจอกสุรา หันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน ดวงตาของเขาว่างเปล่าคล้ายกับคนไร้หัวใจ

  “พวกข้าอยากให้ท่านหย่าภรรยาเสีย!”

  บรรยากาศในจวนของท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่เงียบสนิท แม้แต่เสียงใบไม้ไหววูบหนึ่งก็ไม่ปรากฏรบกวน คิ้วสวยได้รูปยกสูงแสดงความประหลาดใจ ทั้งยังมิแน่ใจว่าได้ยินคำขอของสองคุณชายถูกต้องดีแล้วหรือไม่

  “ท่านแม่ทัพมีภรรยาแล้วหรือเจ้าคะ” สาวงามจากหอคณิกาอดถามมิได้ นางทำหน้าที่ปรนนิบัติเขาได้เกือบจะสองปีแล้ว ทว่าก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่าท่านแม่ทัพเลื่องชื่อมีภรรยา

  “บังอาจ กล้าขอให้ท่านแม่ทัพหย่าภรรยา พวกเจ้าสติดีอยู่หรือนี่!” องค์ชายตวาดเสียงดัง เหล่าสาวงามที่ทราบถึงฐานันดรศักดิ์ของบุคคลสำคัญต่างพากันถอยหนี ด้วยมิอยากอยู่เป็นประจักษ์พยานโทสะของผู้มีอำนาจ

  ทว่าสองพี่น้องมิได้ทราบถึงสถานะของคุณชายรูปงาม จึงตวาดกลับเสียงดังก้อง

  “คุณชายมิรู้ก็อย่าสอด! ท่านแม่ทัพทอดทิ้งนางนานกว่าห้าปี ถือว่ามิใช่เรื่องที่สามีควรกระทำต่อภรรยา และหากท่านมิต้องการนางแล้วก็ควรจะหย่าขาด เปิดโอกาสพวกข้าสองพี่น้องได้เกี้ยวพาราสีเอาชนะใจหญิงงามแห่งเมืองเทียนโจว มิใช่ปล่อยให้ความงามดั่งนางสวรรค์ของนางถูกละเลย ไร้เหล่าภมรชื่นชมเช่นที่ผ่านมา”

  “หญิงงามแห่งเมืองเทียนโจว หึ” หยางเหวินเย่หัวเราะเสียงต่ำ ทว่านั่นก็มากพอแล้วสำหรับบุรุษที่ลืมเลือนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนานกว่าห้าปี

  “ใช่แล้ว แม่นางเถียนเถียน หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเทียนโจว” ผู้เป็นน้องยืนยัน คล้ายจะลุ่มหลงในตัวนางมากกว่าพี่ชายที่เอ่ยปากขอให้หย่าตั้งแต่ทีแรกเสียอีก

  “พวกเจ้าไปเถิด” หยางเหวินเย่เอ่ยปากไล่

  “ไม่ไป! ท่านต้องรับปากว่าจะหย่าให้นางเสียก่อน”

  “เฆี่ยนสิบไม้แล้วค่อยไป ไม่สิ ยี่สิบไม้พอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

  หยางเหวินเย่หันไปถามองค์ชายที่กำลังสงบสติอารมณ์ นี่คือครั้งแรกที่องค์ไท่จื่อเยว่หยางถูกบุรุษใจกล้าเอ่ยปากด่าทอ ต่อให้ปลอมตัวมาก็มิใช่การปลอมตัวที่แท้จริง เพราะเหล่าองครักษ์หรือสหายมักจะทำให้ความแตกเสียก่อน

  ทว่าไม่ใช่กับครั้งนี้ สองพี่น้องต้องการให้สะใภ้สกุลหยางแห่งเมืองเทียนโจวหย่าขาดจากสามี จนมิได้สังเกตรอบข้างให้ถี่ถ้วนว่าใครดำรงตำแหน่งอะไรแน่

  “ท่านเป็นคนบอกให้ข้าพูด จะมาสั่งเฆี่ยนกันได้อย่างไร!”

  “ข้ามิได้สนใจเรื่องหย่าภรรยา แต่เจ้าเพิ่งจะกล่าววาจาลบหลู่องค์ไท่จื่อ เฆี่ยนยี่สิบหนถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”

  “องค์ไท่จื่อ!” สองพี่น้องมองหน้าสลับกันไปมา กลืนน้ำลายตัวสั่นเทา มิกล้าโต้เถียงอันใดอีก

  “ปล่อยลูกนกหลงทางพวกนี้ไปเถิด นาน ๆ จึงจะมีคนโง่หลงเชื่อว่าข้าเป็นเพียงคุณชายธรรมดาก็ดีเหมือนกัน” พออารมณ์โกรธเริ่มบรรเทาและหายใจคล่องขึ้นมาบ้าง องค์ชายรัชทายาทก็มิถือสาเด็กน้อยไม่รู้ความอีก

  “ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อที่เมตตากระหม่อมสองพี่น้อง”

  “ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้มากพิธี ว่าแต่ทำไมพวกเจ้าจึงอยากจะให้หยางเหวินเย่หย่าภรรยา นางไหว้วานให้เจ้าทั้งสองมาส่งสาส์นเช่นนั้นหรือ”

  “แม่นางเถียนเถียนมิได้ทราบเรื่องที่พวกข้ามาที่นี่ นางรักและซื่อสัตย์ต่อสามี มิยอมชายตามองพวกข้า” บุรุษผู้พี่เฉลยความให้ฟังอย่างมิขัดเขิน สีหน้าเพ้อฝันทำเอาหยางเหวินเย่เกือบจะเชื่อว่าภรรยาของเขาคือหญิงงามจริง ๆ

  มิใช่หญิงอัปลักษณ์ที่เกือบจะต้องร่วมหอด้วยเมื่อห้าปีก่อน

  “ท่านแม่ทัพเองก็มีความสุขดีกับเหล่าหญิงงาม และคงมิคิดกลับเมืองเทียนโจวในเร็ววันนี้ มิสู้ปล่อยนางให้เป็นอิสระ ฝากหนังสือหย่ากลับบ้านเหลียนซานมิดีกว่าหรือ”

  พอกล่าวจบ สองพี่น้องก็ถูกโยนออกจากจวนของท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่ ไม่ได้โต้เถียงต่อรองอันใดกับบุรุษผู้ลืมเลือนว่าตนยังมีภรรยารออยู่ที่เมืองเทียนโจวอีก

  คำกล่าวของแขกจากต่างเมืองทำให้ท่านแม่ทัพเลือดร้อนวัยสามปีเอ็ดปี หมดอารมณ์สนุกกับบรรดาสาวงามจากหอคณิกาชื่อดัง ความต้องการทางกายเจือจางเมื่อถูกเตือนให้จำได้ว่าตนมิใช่ชายไร้พันธะ ทว่ามีภรรยาที่อายุห่างกันถึงสิบสองปีรออยู่ที่บ้านเหลียนซาน

  ภรรยาที่เขามิต้องการ!

  ชะรอยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นที่น่าขบขันสำหรับองค์ชายรัชทายาท ทว่าสามีผู้ที่ถูกขอให้หย่าขาดจากภรรยากลับมิได้รู้สึกเช่นเดียวกัน ทั้งยังประหลาดใจที่มีบุรุษรูปงามถึงสองชีวิต กล่าวว่าภรรยายังเยาว์ของเขานั้นงามเหนือหญิงใดในเมืองเทียนโจว แน่นอนว่าเรื่องนั้นย่อมเป็นไปมิได้ ด้วยสตรีที่งดงามหาผู้ใดเทียบได้ยาก ก็คืออดีตคนรักของเขานั่นเอง

  “น่าประหลาดใจยิ่งนัก มิใช่เจ้าบอกว่า ภรรยาหน้าตาอัปลักษณ์ ถึงขั้นเห็นแล้วจวนจะอาเจียนมิใช่หรือ”

  “คำพูดที่ว่าเอ่ยในยามข้ายังเยาว์อยู่ ออกจะเกินจริงไปบ้าง นางแค่มีหน้าตาธรรมดา หากเทียบเคียงกับ...” หยางเหวินเย่ยังมิกล้าเอ่ยชื่อนางผู้ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจและลืมเลือนรอยยิ้มของตนหลังจากความสูญเสีย

  “เจ้าก็มิได้กลับไปเยี่ยมบิดามารดานานมากแล้ว บ้านเมืองยามนี้สงบเงียบ อยู่เมืองหลวงก็มิได้มีงานอันใด กลับไปเยี่ยมเทียนโจวสักสองสามเดือนมิดีหรือ” องค์ชายรัชทายาทคำนวณดูแล้วพบว่าภรรยาของสหายน่าจะอายุได้สิบเก้าปีบริบูรณ์ ถึงเวลาที่จะต้องออกเรือนอย่างเป็นทางการแล้ว

  ทั้งยังย้ำอีกว่าในสองเดือนข้างหน้า คือวันคล้ายวันเกิดของอดีตที่ปรึกษาคนสำคัญ บุตรชายคนเดียวของตระกูลหยางพลาดงานฉลองวันเกิดของบิดานานกว่าห้าปีแล้ว ปีนี้ผู้อาวุโสอายุครบหกสิบปี จึงมิควรพลาดวันครบรอบสำคัญอีก

  หยางซือถงเกษียณอายุราชการก่อนวัย เพราะต้องการอยู่ดูแลภรรยาที่มิค่อยจะแข็งแรงนัก กล่าวกันว่าทุกครอบครัวควรจะมีบุรุษคอยควบคุมดูแล และในเมื่อทายาทเพียงคนเดียวได้รับตำแหน่งสำคัญตั้งแต่ยังเยาว์ ผู้เป็นบิดาที่ถือว่าตนประสบความสำเร็จมากพอแล้ว จึงไม่ต้องการแสวงหาอำนาจอันใดอีก

  “ปีนี้คงจะต้องกลับไปเยี่ยมท่านพ่อสักหน่อย”

  “หากมิติดงานราชการ ข้าจะแวะไปเที่ยวชมเมืองด้วย”

  “กลับแค่สองเดือน ไม่มากไปกว่านั้น”

  หยางเหวินเย่ยืนยันว่าจะไม่อยู่เสียเวลาในเมืองเทียนโจวให้นานเกินกว่าสองเดือน เขายังคงกลัวใจของตัวเอง หากต้องอยู่ร่วมเมืองเดียวกับอดีตคนรัก แม้มั่นใจว่าลืมนางได้แล้ว ทว่าลึก ๆ กลัวว่าจะถูกสามีของนางยั่วยุทำให้อารมณ์เดือดดาลนั้นคุกรุ่นขึ้นมาอีก ส่วนภรรยาอัปลักษณ์ที่ถูกลืม เขาคงจะต้องคิดหาของขวัญสำหรับนางสักหน่อย

  พอลองนึกย้อนดูก็ให้รู้สึกสงสารสาวน้อยที่เพิ่งจะสูญเสียบิดา นางเข้มแข็งกว่าบุรุษรูปร่างสูงใหญ่เสียอีก ตลอดเจ็ดวันที่นางฝากชีวิตเอาไว้ในกระโจมแม่ทัพ เขามิได้ยินเสียงสะอื้นเลยแม้เพียงครึ่งคำ นางนั่งคุดคู้ซ่อนตัวอยู่กับบ่าวแค่สองคน รออาหารจากท่านพ่อเพียงวันละมื้อ และมิทำตัวเกะกะขวางทางระหว่างการศึก

  จนกระทั่งได้รับชัยชนะแล้ว นางก็ยังมิออกมาเรียกร้องความสนใจ หยางเหวินเย่เดาว่านางคงอับอายดวงหน้าอัปลักษณ์มิสมสตรี จึงมิกล้าแสดงตนต่อหน้าเหล่าทหาร

  แต่อย่างไรนางก็เป็นภรรยา เขาจึงมิควรละเลยนางอย่างที่คุณชายสองคนนั้นกล่าวหาจริง ๆ

  หยางเหวินเย่สั่งให้บ่าวเลือกซื้อข้าวของราคาแพงสำหรับภรรยาสักสองสามอย่าง ราวกับว่านั่นจะช่วยให้นางลืมเลือนเรื่องที่ถูกลืม ลืมเลือนเรื่องที่ถูกทำให้รอยาวนานถึงห้าปี

  ‘นอกจากเรื่องความรักแล้ว ข้าสามารถบันดาลให้เจ้าได้ทุกอย่าง’

  ท่านแม่ทัพได้บอกต่อภรรยาแล้วว่าจะไม่มีวันรัก และหากนางยังยืนยันว่าจะรักข้างเดียว บุรุษหัวใจด้านชาอย่างหยางเหวินเย่ก็คงทำอันใดมิได้ ต่อให้นางงามขึ้นมาสักสิบส่วน เขาก็ยังมิเชื่อว่านางจะงามพอที่จะทำให้เขาลืมความรักครั้งเก่าได้

  เรื่องราวในอดีตเตือนให้ใจเจ็บเกินกว่าจะกินดื่มอันใดให้อร่อยได้ หากจะมีเรื่องอันใดที่บรรเทาความหงุดหงิดของเขาได้บ้าง ก็คงมิพ้นเหล่านางคณิกาที่นอนรออยู่ในห้อง หลังจากส่งเสด็จองค์ชายรัชทายาท หยางเหวินเย่จึงเรียกตัวหญิงงามสามนางเข้าไปปรนนิบัติ พวกนางถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะมิต้องอดทนรับศึกหนักแต่เพียงลำพัง

  ทว่าความเครียดทำให้เลือดบุรุษเดือดดาลยาวนาน ท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่รั้งตัวพวกนางข้ามวันข้ามคืน จึงยอมปล่อยไปพร้อมกับตั๋วเงินมากมูลค่า หนึ่งในนั้นถึงกับประกาศว่าจะมิยอมรับงานในจวนแม่ทัพอีก

  เพราะหากรับงานเพิ่มอีกแค่เพียงครึ่งชั่วยาม พวกนางอาจจะเผลอตัวติดใจ

  มิอาจหลับนอนกับผู้ใดได้อีก!

  บรรยากาศในสวนของบ้านสกุลหยางร่มรื่นน่าพักผ่อนเอนหลังเป็นอย่างมาก สาวน้อยเจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งสะบัดพู่กันวาดภาพแสดงฝีมือเกือบสองชั่วยาม ก็เริ่มบิดตัวเกียจคร้าน ทำเอาลูกค้าที่นั่งนิ่งเป็นเวลานาน เผลอขยับตัวตามไปด้วยอีกคน นางพยักหน้าเรียกบ่าวคนสนิทให้ทำการเปลี่ยนพู่กันชุดใหม่ เตรียมเอาไว้สำหรับการทำงานในช่วงบ่ายที่จะถึง

  “เหลือลงสีอีกเล็กน้อยเท่านั้น พรุ่งนี้ท่านสามารถมารับภาพวาดได้ในช่วงบ่าย”

  “วาดได้งามยิ่งนัก ฝีมือของคุณหนูเถียนเถียนพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว” ลูกค้าหญิงงามชื่นชมภาพที่วาดยังไม่ทันเสร็จดี แต่ก็พอมองออกว่าฝีมือของนางมิใช่ธรรมดา ค่าจ้างที่เคยคิดว่าแพงเกินสมควร กลับคุ้มค่ากว่าที่คิดเอาไว้มาก

  คุณหนูเถียนเถียน ยิ้มกว้างให้กับลูกค้าที่กำลังชื่นชมผลงาน ความสุขของนางคือการลงพู่กันวาดภาพระบายสี ดวงตางามประหลาดแทบมิกะพริบยามลากเส้นวาดเค้าโครงหน้า เพราะหากพลาดเพียงนิดเดียว ภาพก็จะผิดเพี้ยนไม่สมกับความจริง และนั่นหมายความว่านางอาจจะมิได้ค่าจ้างจากลูกค้าสาวงาม

  ทว่าสตรีบางนางก็ขอให้ทำภาพผิดเพี้ยน หรือเพิ่มเติมสักหน่อย เพื่อให้ดูสวยเกินกว่าความจริง

  น้อยคนนักจะรู้ว่าเงินค่าจ้างที่ได้รับ เพียงพอสำหรับค่าพู่กัน กระดาษ และสีที่มีคุณภาพ หาได้กำไรอันใดไม่

  “ดวงหน้าของท่านงดงาม วาดได้ไม่รู้เบื่อ” ผู้สร้างสรรค์งานวาดเอ่ยเสียงใสชื่นชมลูกค้า

  “ข้างามน้อยกว่าคุณหนูสักหลายเท่า น่าเสียดาย...” ลูกค้าสาวกลืนคำพูดของตน เมื่อบ่าวชายหน้าตากลาง ๆ แสดงออกชัดว่ามิต้องการได้ยินเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคุณชายสกุลหยาง

  ท่านแม่ทัพหยางเหวินเย่หนีภรรยากลับเมืองหลวง หลังจากเข้าหอได้เพียงคืนเดียวมิใช่ความลับ เรื่องนั้นเป็นที่โจษจันนานเกือบสองปี ทว่าผู้เป็นภรรยากลับมิใส่ใจ ทั้งยังบอกว่าอีกไม่นาน สามีของนางก็จะกลับบ้านแล้ว

  คุณหนูเถียนเถียนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามราวกับนางสวรรค์ และนั่นทำให้คนที่ตั้งคำถามถึงกับลืมเลือนเรื่องที่ตั้งใจจะกล่าว กระทั่งจะแสร้งสืบความหรือเหน็บแนมอันใดก็ลืมไปจนสิ้น

  พอเวลาเลื่อนเลยได้ห้าปีเศษ ชาวเมืองเทียนโจวก็ลืมไปแล้วว่านางคือสะใภ้สกุลหยาง พากันเรียกขานสาวน้อยว่าคุณหนูเถียนเถียน เสมือนว่านางคือลูกสาวอีกคนของหยางซือถงและฮูหยินหยางชิวเหยา

  สองผู้อาวุโสปลื้มใจเพราะได้ลูกสะใภ้ดี นางเรียกขานกันว่าท่านพ่อท่านแม่ คอยเอาอกเอาใจ จนทำให้สองสามีภรรยาเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีบุตรชายที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอีกคนหนึ่ง

  “บ่ายนี้เรามีนัดกับผู้ใดหรือ”

  เถียนเถียนเอ่ยถามบ่าวคนสนิท

  จางฉวน บ่าวใบ้ทำมือทำไม้บอกกับคุณหนูว่าเป็นลูกค้ารายใหม่ ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงกำยำได้ยินทุกอย่าง ทว่าตอบโต้ได้ด้วยภาษามือเท่านั้น ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านสกุลหยางพร้อมกัน ครอบครัวของเถียนเถียนนึกสงสารเด็กน้อยบ้าใบ้ จึงรับเลี้ยงดูให้อยู่เป็นเพื่อนเล่นของคุณหนู

  เถียนเถียนมีความเมตตามากตั้งแต่ยังเด็ก ยามบ่าวใบ้ป่วยไข้ก็ขอให้ท่านพ่อช่วยเรียกหมอมาดูแล หากถูกกลั่นแกล้งก็จะออกโรงยอมลงแรงปกป้อง มิยอมให้คุณหนูสกุลอื่นหรือคนในบ้านรังแก และนั่นทำให้จางฉวนซื่อสัตย์รักมั่นต่อคุณหนู ทว่าร่างกายของเขาก็มิค่อยแข็งแรง จึงทำได้เพียงหยิบจับนู่นนี่ ช่วยล้างพู่กันเตรียมกระดาษไปตามเรื่อง

  กระทั่งอายุมากขึ้นจึงแข็งแรงสมชาย ร่างกายกำยำล่ำสัน คอยรับหน้าที่ปกป้องคุณหนูให้รอดพ้นจากเหล่าคุณชายที่หมายจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง

  “เจ้าพวกโง่! นางออกเรือนแล้ว มิสนใจพวกเจ้าดอก!” เสียงตวาดคุ้นหูดังขึ้นมิไกลนัก

  “ท่านแม่ทัพมัวเมาอยู่กับสตรีเมืองหลวง คงมิกลับมายังเทียนโจวแล้ว!”

  “คุณชายหยางลืมนางแล้ว บอกให้ลูกชายท่านลงนามในหนังสือหย่า และปล่อยนางให้เป็นอิสระเถิด!” หนึ่งในคุณชายตะโกนเสียงดัง หมายให้สาวงามที่ยังไม่เคยเห็นหน้า ได้ยินถ้อยความที่เขาต้องการสื่อ

  “ไอ้พวกปากอีกา!”

  หยางซือถงขับไล่เหล่าคุณชายรูปงาม รวมถึงอันธพาลที่มาก่อกวนอยู่หน้าบ้านเหลียนซาน ความงามของคุณหนูเถียนเถียนถูกเล่าลือทั่วเมืองเทียนโจวมาได้สองเดือนแล้ว แม้เขาจะระมัดระวังมิให้ชายใดพบเห็น ซ่อนตัวนางให้พ้นจากปัญหานานกว่าห้าปี ทว่าสุดท้ายก็ต้องพลาดอย่างมิน่าให้อภัย

  ความสามารถในการวาดรูปของเถียนเถียนนั้นมิเป็นรองใคร หลายเดือนก่อน นางขอให้จางฉวนนำภาพดอกไม้ที่วาดเก็บเอาไว้ นำออกขายแลกกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคุณหนูบ้านหนึ่งลองสอบถามบ่าวใบ้ดูว่า คุณหนูสกุลหยางวาดรูปเหมือนของสตรีได้หรือไม่

  หยางซือถงทราบดีว่าการวาดรูปจะทำให้สาวน้อยมีความสุข จึงอนุญาตให้จางฉวนจัดหาลูกค้า พร้อมกับจัดพื้นที่ในสวนเพื่อให้ลูกสะใภ้ได้ทำในสิ่งที่นางรัก

  ภายใต้หนึ่งข้อห้าม นั่นคือลูกค้าจะต้องมิใช่บุรุษ

  นึกไม่ถึงว่าคำเล่าลือของสตรีจะทำหน้าที่คล้ายกับไฟไหม้ เพราะหลังจากนั้นมินาน ชายหนุ่มทั่วเมืองก็พากันมาลอบส่องดู ว่านางงามดั่งคำกล่าวอ้างจริงหรือไม่ ปรากฏว่ามีสองพี่น้องใจกล้าบุกเข้าสวนของบ้านเหลียนซานโดยมิได้รับอนุญาต และเมื่อพบหน้าของนางก็ถึงกับหมดสติไป

  หมดสติเพราะถูกจางฉวนทุบเสียเต็มแรง...

  ทว่าข่าวลือก็ไปไกลจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

  “หน้ามิอาย ยอมสวมชุดสตรีเพื่อหลอกพบลูกสาวข้าเช่นนั้นหรือ!” หยางซือถงส่ายหน้า ตะโกนสั่งให้บ่าวนำน้ำมาสาดไล่เหล่าคุณชายที่ดื้อด้านมิยอมกลับ ก่อนจะลงกลอนประตูมิยอมรับแขกอีก

  สะใภ้สกุลหยางมิได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้าน รวมถึงบริเวณหน้าบ้านด้วยก็เช่นกัน นางจึงทำได้แค่นั่งรอกระทั่งจางฉวนวิ่งกลับมาส่งข่าว ว่าลูกค้าในช่วงบ่ายคือบุรุษปลอมตัวมา และท่านพ่อสามีได้ตะเพิดขับไล่ออกจากบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

  “เถียนเถียนเอ๋ย บ่ายนี้เห็นทีเจ้าจะมิได้วาดรูปใครเสียแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าวต่อลูกสะใภ้ที่รักและเอ็นดูราวกับเลือดในอก ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงในศาลาหลังน้อย

  ท่าทางเหนื่อยล้าของผู้อาวุโสทำให้เถียนเถียนเร่งรินน้ำชา ก่อนจะขอให้บ่าวไปนำขนมมาเพิ่ม

  “สร้างปัญหาให้ท่านพ่ออีกแล้ว จากนี้เถียนเถียนจะเลิกวาดรูป” เถียนเถียนพยักหน้าครั้งเดียว จางฉวนก็จัดการเก็บพู่กันและกระดาษ ในเมื่อสิ่งที่นางรักสร้างปัญหาให้กับผู้มีพระคุณ นางก็เลือกมิยากระหว่างความชอบกับความสบายใจของท่านพ่อสามี

  ทว่าชายชรากลับโบกมือสั่งห้าม มิให้จางฉวนทำตามที่นายสาวออกคำสั่ง

  “ความสุขของลูก คนเป็นพ่อจะหักห้ามใจมิให้ทำได้อย่างไร เอาเป็นว่าสองสามวันนี้เลื่อนนัดลูกค้าไปก่อน ส่วนเจ้าจางฉวน อย่าลืมดูให้ดีว่าพวกนั้นเป็นสตรีหรือบุรุษปลอมตัวมา เข้าใจหรือไม่”

  “อา อา” จางฉวนรับคำอย่างยินดี แสดงทีท่าทำหน้าขึงขัง พร้อมปกป้องคุณหนูอย่างสุดความสามารถ

  “หากได้ยินเรื่องอันใดไม่เข้าหู เจ้าก็อย่าไปใส่ใจก็แล้วกัน” หยางซือถงห่วงว่านางจะได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน เรื่องของเจ้าลูกไม่รักดี ที่ยังมิทันได้ทำหน้าที่สามี ก็หนีกลับเมืองหลวงไปเสียแล้ว

  “เรื่องของท่านพี่อีกแล้วหรือเจ้าคะ” เถียนเถียนกล่าวถามพร้อมกับโปรยรอยยิ้มสดใส

  “อย่าไปสนใจไอ้ลูกไม่รักดีนั่นเลย”

  “ท่านพ่ออย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ เถียนเถียนไม่อยากให้ท่านพ่อล้มป่วย”

  “จะไม่ให้มีโทสะได้อย่างไร หากวันนั้นเจ้าโง่นั่นยอมเปิดผ้าคลุม มองหน้าเจ้าสักหน่อยก็หมดปัญหาแล้ว”

  “ข้ากลับมองเป็นเรื่องดี หากท่านพี่เห็นหน้าข้าก็อาจจะตกใจจนเป็นลมเอาได้” นางหัวเราะน้อย ๆ มิได้เดือดดาลกับความจริงที่ว่าสามีได้หายหน้าไปนานกว่าห้าปีแล้ว

  “เจ้านี่นะ ร่าเริงเอาใจทุกคนจนลืมความสุขของตัวเอง”

  “ท่านพ่ออย่าได้กังวล ทุกวันนี้ข้ามีความสุขดีแล้ว”

  เถียนเถียนประคองผู้อาวุโสจนถึงห้องพัก แล้วจึงกลับมานั่งทอดอารมณ์อยู่ในสวนตามเดิม

  หลังจากสูญเสียท่านพ่อ เถียนเถียนก็มิได้ร้องไห้ให้กับเรื่องใดอีก จำได้เพียงว่าตนเองซ่อนตัวอยู่กระโจมของท่านแม่ทัพตามคำสั่งของพ่อสามีในปัจจุบัน โดยมีจางฉวนคอยทำมือไม้ปลอบใจไปตามเรื่อง นางทราบดีว่าดวงหน้าของตนแปลกประหลาด ทั้งดวงตายังดึงดูดความสนใจ ไม่เหมือนกับสตรีรุ่นราวคราวเดียวกัน และเมื่อบิดาสั่งว่าให้หลบซ่อนจากบุรุษให้ดี นางจึงทำตามอย่างเคร่งครัด

  นางมิกล้าแม้แต่จะร้องไห้ เพราะนั่นอาจจะดึงความสนใจและนำมาซึ่งปัญหา แม้จะปลอดภัยดีในกระโจมที่พัก แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท คลุมหน้าคลุมตา และพูดน้อยยิ่งกว่าจางฉวนที่เป็นใบ้เสียอีก

  เถียนเถียนจำคำของบิดาว่าจะต้องแต่งกับผู้มีอำนาจจึงจะอยู่รอดปลอดภัย หากแต่งให้กับคนธรรมดาก็อาจจะถูกกลั่นแกล้ง

  หวังเฉินกง ย้ำต่อบุตรสาวอยู่เสมอว่า หากเขามิรอดจากสงคราม ก็ให้รีบนำจดหมายไปขอพบท่านลุงหยางซือถง เพื่อป้องกันมิให้นางถูกส่งตัวต่อไปเรื่อย ๆ และหากมีใครก็ตามที่ยินดีจะให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์ดูแล นางก็ควรจะสำนึกบุญคุณให้มาก และถ้าเขามิได้ข่มเหงหรือกระทำเรื่องที่ขัดต่อความต้องการ เถียนเถียนก็ควรจะตอบแทนให้ดี

  รองแม่ทัพหวังออกคำสั่งต่อบุตรสาวก่อนจากกันว่าไม่อนุญาตให้อ่อนแอ นางจึงร้องไห้ยามทราบข่าวของบิดาแค่เพียงคืนเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น เถียนเถียนย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเป็นถึงบุตรีของรองแม่ทัพ น้ำตาของนางมีค่าเสียยิ่งกว่าไข่มุก หากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรอ่อนแอให้ใครเห็น

  เรื่องบุญคุณต้องทดแทนนั่นก็เช่นกัน...

  ต่อให้ท่านพี่เหวินเย่จะเจ้าชู้ เลือดร้อน ชอบความรุนแรงอย่างที่ผู้คนกล่าวหา ทว่าเขาก็มิได้ฝืนใจนางในคืนเข้าหอ ทั้งยังร้องขอมิให้เปิดเผยดวงหน้ายั่วยวนให้เกิดกิเลส เถียนเถียนต้องขอบคุณสวรรค์ที่ประทานสามีผู้ประเสริฐให้กับนาง ถึงแม้ท่านพี่จะยืนหนักแน่นว่าจะไม่มีวันมอบความรักให้ เพราะใจมีเจ้าของแล้ว

  ทว่านางก็เต็มใจที่จะมอบความรักเป็นการตอบแทน

  “วาดรูปเจ้าเพลิน ฟ้ามืดเสียแล้ว” คุณหนูเถียนเถียนยืนยันว่าจะจัดการเก็บพู่กันและกระดาษด้วยตนเอง และออกคำสั่งให้จางฉวนที่นั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่ได้ขยับนานเกือบสองชั่วยามไปพักผ่อน บ่าวใบ้ไม่ขัดนายสาวเลยสักคำ เพราะหลังของมันแข็งจนแทบจะก้มหรือเงยไม่ได้แล้ว

  สะใภ้สกุลหยางเก็บล้างข้าวของอย่างใจเย็น พู่กันของนางนั้นมิใช่ของราคาถูก รีบร้อนเกินไปจะทำให้พังก่อนเวลาอันควร หากดูแลอย่างระมัดระวังก็จะยืดอายุการใช้งานได้อีกนานโข นางพึมพำร้องเพลงกล่อมเด็กที่เคยได้ยินมารดาร้องให้ฟัง ทว่าเสียงหล่นของวัตถุขนาดใหญ่ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวาบ

  กลิ่นเหล้าโชยหึ่งออกมาจากภูเขาเดินได้ที่ตกลงมาจากกำแพงสูงของบ้านเหลียนซาน เพียงชั่วอึดใจเดียวร่างนั้นก็พลันยืดตัวขึ้นสูง มันย่างสามขุมตรงมายังเถียนเถียน แสงสว่างโพล้เพล้รำไรบอกว่านั่นคือร่างของบุรุษที่สูงกว่าท่านพ่อสามีอย่างต่ำก็หนึ่งศอก เถียนเถียนถอยหลังสองก้าว กลัวเหลือเกินว่าภัยร้ายจะเกิดในบ้านของตน

  ตุ้บ!

  เจ้าของร่างสูงล้มลงกับพื้นเพราะสะดุดเข้ากับก้อนหินประดับสวนขนาดใหญ่ และเพียงชั่วพริบตาเดียว บ่าวใบ้จางฉวนก็ปรากฏตัวตรงหน้า ยืนกางกั้นระหว่างนางกับผู้บุกรุก!

  ร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกคล้ายกับว่ามีบางส่วนในร่างกายแตกหัก คืนเดือนมืดทำให้ท้องฟ้าสว่างมิมากพอ และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

  เถียนเถียนกำลังตั้งท่าว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน ทว่าแสงตะเกียงของบ่าวใบ้กลับทำให้นางต้องยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้า ก่อนจะวิ่งหนีออกห่างจากบุรุษผู้นั้น

  “อา อา” จางฉวนตามมาติด ๆ ทำมือสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือ

  “กลับมาแล้ว...”

  “อา อ้า!” จางฉวนเอ่ยถามอย่างร้อนรน

  “ท่านพี่...ท่านพี่กลับมาแล้ว!”

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down