“จีบฉันไม่ง่ายหรอกนะคะ ฉันไม่สนใจจะเป็นของเล่นบนเตียงให้ใคร”“แหมใครจะใจร้ายให้คุณอยู่ในฐานะของเล่นกันล่ะครับ อย่างคุณต้องพิเศษกว่านั้นอยู่แล้ว”“พิเศษแบบไหนล่ะคะ คู่ขา คู่นอนหรือว่าเด็กคุณ”“นั่นสิครับ แบบไหนดี”“คู่นอนดีไหมคะ จบแล้วก็จบกัน ไม่ต้องยืดเยื้อ”“คุณชอบทำให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยกับความตรงจนน่าใจหาย”“นักธุรกิจนี่คะ อ้อมค้อมไปก็เสียเวลาเปล่า ๆ สู้ยิงประตูเลยดีกว่า”“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เลยไหมล่ะครับ”
เสียงดนตรีดังกระหึ่มเรียกการเคลื่อนไหวของเหล่านักท่องราตรีให้ออกมาขยับโยกปลดปล่อยความสนุกท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นในโซนชั้นล่างของผับชื่อดังในเมืองใหญ่
ลลิสาเดินออกจากห้องน้ำในโซนชั้นสองที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ราวกั้นแล้วกวาดสายตามองหาเพื่อนบางคนในกลุ่มที่ปลีกตัวลงไปสนุกด้านล่างมาสักพักใหญ่ตามประสาคนชอบห่วงที่ต้องรับหน้าที่ดูแลและเก็บตกเพื่อนยามเมาไม่มีสติอยู่ตลอด
“ยายแก้วกับยายปรายไปเต้นอยู่ไหนกันวะเนี่ย แล้วคนเยอะแบบนี้ฉันจะหายังไงเจอล่ะทีนี้”
หญิงสาวบ่นไปมองหาไป มือก็กดโทรศัพท์โทรตามเพื่อนไปด้วย โทรทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าแม่พวกนั้นคงไม่ได้ยินเสียงนี่แหละ จนหลายรอบเข้าก็ยังไม่มีหวัง เธอจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วยอมแพ้ สองขาจึงก้าวฉับ ๆ ไปทางบันไดทางขึ้นโซนวีไอพีชั้นสาม แต่ก็ต้องหงุดหงิดหนักกว่าเก่าเมื่อเจอคู่รักนักเที่ยวยืนนัวเนียขวางทางอยู่
เธอปรายสายตาอย่างรังเกียจไปที่คนทั้งคู่ บันไดมันก็แคบแค่นี้ เดินสวนกันยังแทบจะสิงร่างยังอุตส่าห์เจอคนอดอยากได้อีก นี่คือสิ่งที่เธอคิดแต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดออกไปให้ลำบากตัวเองแน่นอน ยิ่งในสถานที่แบบนี้และไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เกิดเป็นคนเมาที่ไม่มีสติแล้วเธอพูดจาผิดหูไปแล้วโดนทำร้ายขึ้นมาคงไม่คุ้มกัน แต่จนแล้ว
จนรอดทั้งสองร่างก็ยังไม่ยอมแยกออกจากกันเสียที จนเธออดรนทน
ไม่ไหว
“ขอโทษนะคะ ช่วยหยุดนัวกันก่อนได้ไหมคะ”
เสียงหวานเอ่ยขัดจังหวะคนทั้งคู่หลังจากที่ยืนกรอกตามองบนมาสักพักแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้นเลย กลับกันสองคนตรงหน้ากลับยิ่งนัวเนียกอดรัดกันหนักขึ้นจนไม่สนใจว่าใครจะมองอยู่ด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินเสียงเรียกน่ารำคาญสองสามครั้งติด ๆ กัน ชายหญิงจึงผละออกจากกันด้วยอาการขัดใจ ฝ่ายชายหันมองผู้มาขัดจังหวะด้วยหางตาพร้อมกับเสียงสะบัดห้วนราวกับจะประกาศให้รู้ว่าไม่พอใจมากแค่ไหน
“โทษที คืนนี้ฉันมีคนไปด้วยแล้ว ไว้วันหลังนะ”
คำพูดที่หลุดออกมาประโยคแรกจากผู้ชายที่ไร้มารยาทยิ่งทำให้ลลิสาต้องจิกตามองแรงเข้าไปอีก มักมากยังไม่พอ หลงตัวเองยิ่งหนัก แค่หน้าตาดีนิดหน่อยคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะติดสอยห้อยตามไปทุกคนเลยหรือไง ไอ้ผู้ชายสำส่อนเอ๊ย!
“ทานโทษนะคะ เมื่อกี้ฉันคงพูดไม่ชัดเจน ฉันจะบอกว่าช่วยหลีกทางให้หน่อยค่ะ ฉันจะขึ้นไปข้างบนค่ะ”
หญิงสาวย้ำช้า ๆ ชัด ๆ แต่น้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าเธอหงุดหงิดมากแค่ไหน ผิดกับอีกฝ่ายที่เผยรอยยิ้มพอใจตรงมุมปาก ส่งให้ใบหน้าสไตล์ลูกครึ่งดูกวนอารมณ์จนเธอแทบอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าหล่อ ๆ นั่นเพื่อระบายโทสะให้หายหัวเสีย
“บันไดก็ออกจะกว้าง ทำไมไม่ขึ้นไปล่ะยะ มัวยืนดูคนอื่นเขาจู๋จี๋กันทำไม”
คู่ขาของฝ่ายชายพูดแทรกขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่มี
ส่วนร่วมกับพวกเขาเลยทั้งที่ยืนทนโท่อยู่ตรงนี้ทั้งคน สองมือเธอไขว่คว้าแขนของชายหนุ่มมากอดไว้อย่างหวงแหน เชิดหน้ามองผู้หญิงไร้มารยาทที่บังอาจมาก่อกวนด้วยสายตาที่ประกาศว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ ใครก็ห้ามแย่งทั้งนั้น
“หึ! กว้างบ้านป้าเธอสิ แหกตามองไหมว่ามันยังกว้างไม่ถึงเมตรครึ่งเลย ฉันคงเป็นไรฝุ่นมั้งถึงจะเดินแทรกเธอกับเขาที่รัดกันอย่างกับงูเหลือมไปได้”
ลลิสาตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าหลังจากที่อดทนสงบปากสงบคำมานาน ความแสบสันของเจ้าหล่อนเรียกรอยยิ้มพอใจจากผู้ชายที่ยืนเงียบอยู่ได้ เขาเกิดนึกสนใจในตัวเธอขึ้นมาทันที จะว่าไปแล้วเธอก็ดูสวยปราดเปรียวไม่หยอก
“อีบ้า แกว่าฉันเหรอ”
ผู้หญิงชุดแดงแสนสั้นรีบปล่อยแขนที่กอดอยู่มายืนดิ้นอยู่ตรงหน้าเพราะคำพูดที่ด่าเสมือนว่าเธอโง่ ใจจริงอยากเดินเข้าไปตบคนขัดจังหวะใจจะขาด แต่กลัวคู่ควงอย่างภาวัตไม่พอใจเลยต้องรักษาความเรียบร้อยเอาไว้สักหน่อย
“ไม่ได้ว่าหรอก ชมอยู่” คู่กรณีลอยหน้าลอยตาตอบอย่างยียวน
“หน็อย อี.....” สาวชุดแดงที่ถูกยั่วโมโหทนไม่ไหวจึงยกนิ้วที่มีเล็บยาวถูกเคลือบด้วยสีแดงเงาวับขึ้นชี้หน้าคู่กรณี
“พอได้แล้ว” คนที่ยืนเงียบอยู่นานแทรกขึ้นมาอย่างระอากับเหตุการณ์ประเภทนี้ เขาถูกพวกผู้หญิงตบตีแย่งกันบ่อยจนชินชา
เขาเลิกสนใจคู่ขาด้านข้างแต่กลับส่งยิ้มหวานให้กับสาวอีกคนแทน แววตาคมขยับไหวตามความพอใจที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยากับเจ้าของร่างบางนี้ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในชุดที่ดูแล้ววาบหวิวจนน่ากลัว แต่มันกลับกระตุ้นเขาได้ดีเกินคาด
“แต่คุณภาวัตคะ นังนี่มันว่าเรานะคะ” คู่ขาสาวยังคงไม่
ยอมแพ้
“เฉยเถอะน่า แล้วเธอก็ไปได้แล้วไป” ภาวัตตัดบทอย่างรำคาญ แล้วพยักหน้าให้เธอเดินลงไปโซนล่างโดยไม่ต้องรอเขา
ธนบัตรสีเทาสามสี่ใบถูกยื่นให้อีกฝ่ายที่รับไปอย่างรู้งานโดยไม่อิดออด ถึงคืนนี้จะไม่ได้ไปต่อกับชายหนุ่มที่ว่ากันว่าร้อนแรงและแซ่บมาก แต่อย่างน้อยก็ได้ค่าเสียเวลามาใช้สบาย ๆ
“ขอบคุณค่ะคุณภาวัตขา ไว้เรียกใช้เจนอีกนะคะ” หญิงสาวเอ่ยปากขอบคุณด้วยเสียงหวานหยดย้อยที่ประดิษฐ์มาเพื่อลูกค้ากระเป๋าหนักเป็นพิเศษพร้อมกับเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มสองข้างของชายหนุ่มก่อนจะผละออกไป
“อ้าว ยังยืนอยู่อีกเหรอครับคุณ....”
ภาวัตจงใจถามกวนประสาททั้งที่เขาก็ยังคงมองเห็นอยู่ตลอด แต่อยากแหย่เธอเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้าเธอไม่พอใจเขากลับรู้สึกว่ามันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“ก็ต้องยืนอยู่สิคะ พวกคุณเล่นร่ำลากันไม่เว้นที่เดินให้ใคร
เลยนี่”
หญิงสาวอดตำหนิไม่ได้ เหมือนวันนี้อะไรก็ไม่เป็นใจให้เธอ เพื่อนก็หาไม่เจอ มีคนหื่นมาขวางทางจนต้องมายืนรอพวกหน้าด้านนัวเนียกันไม่พอ ต้องมาเป็นพยานตอนพวกเขากอดฟัดร่ำลากันไปอีก
โอ๊ย! เธออยากจะกรีดร้องในใจสักร้อยครั้งพันครั้ง
“อ้อเหรอครับ ผมภาวัต ภัควเดชานะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เขายื่นมือมาข้างหน้าอย่างแสดงออกว่าต้องการทำความรู้จักกับเธอ ทว่าเธอกลับเมินเฉยเสีย เธอไม่นึกอยากจะให้ร่างกายแตะสัมผัสกับคนแปลกหน้าอย่างเขาแม้กระทั่งการจับมือก็ตาม จะบอกว่าไม่ไว้ใจก็ถูก ใครก็ไม่รู้นี่นา แต่ที่แน่ ๆ พฤติกรรมน่ารังเกียจเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง
“ค่ะ” เธอจึงทำเพียงตอบรับไปอย่างส่ง ๆ
“ไม่คิดจะบอกชื่อของคุณหน่อยเหรอครับ ใจร้ายจัง”
แววตาเจ้าชู้เปิดเผยของเขาทำให้เธออยากจะเดินออกจากตรงนี้ไว ๆ ติดก็แต่ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ขวางทางไม่ยอมขยับ
“ไม่ดีกว่าค่ะ เราแค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเอง ขอทางหน่อยค่ะ”
เมื่อถูกหญิงสาวตัดสัมพันธ์ชายหนุ่มก็ไหวไหล่คล้ายไม่ใส่ใจ เขาไม่ตื๊อเธอต่อและยอมขยับหลบทางให้แต่โดยดีจนเธอแปลกใจไม่น้อย
แต่ในจังหวะที่เธอกำลังเดินผ่านเขาไป มือใหญ่ก็คว้าแขนของเธอเอาไว้แน่น จนเธอหันขวับมาด้วยความตกใจ
“ปล่อยนะ!” เธอร้องพร้อมกับกระชากแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ใจเย็นที่รัก ผมแค่จะถามอีกครั้งว่าคุณอยากเปลี่ยนใจไปต่อกับผมไหม”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองของคนถามทำเอาเธอถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่
คนหน้าด้าน!
ดวงตากลมโตของเธอสบกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาคมเข้มของเขาสวยมาก มากขนาดที่แสงสว่างไม่มากพอก็ยังคงมองเห็นสีน้ำตาลอ่อนในดวงตาของเขาได้ชัดเจน แต่ใช่ว่าเธอจะอ่อนระทวยกับสายตาของเขาเสียเมื่อไหร่
“ไม่ค่ะ ขอตัวนะคะ”
หญิงสาวสะบัดมือของคนแปลกหน้าออกอย่างแรงโดยที่เขาก็ไม่ได้ยื้อต่อ แล้วก้าวเดินขึ้นบันไดไป ทว่าหากเพียงแค่ก้าวเดียวเธอกลับต้องหมุนตัวมาหาเขาอีกครั้งเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อ ลืมเตือน คราวหน้าแนะนำว่าถ้าไม่ไหวไปเปิดห้องดีกว่านะคะ ใกล้ ๆ นี่ก็มีเยอะแยะ แถวนี้มันคงตื่นเต้นเกินไป แต่ถ้าเลือกไม่ถูกนี่เลยค่ะ...”
“ครับ?”
ภาวัตเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อหญิงสาวเจ้าของเสียงหวานยื่นกระดาษแผ่นเล็กประมาณครึ่งเอสี่ที่ถูกคลี่ออกมาทั้งยังเห็นรอยพับ
อยู่ให้
“ใบปลิวน่ะค่ะ โรงแรมของฉันเอง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ถ้าคุณไม่ไหวเปิดห้องที่นี่ก็ได้นะคะ รับรองว่าโรงแรมเราจะบริการคุณอย่างดีเลยค่ะ ห้องสะอาด พนักงานมารยาทเยี่ยม ราคาประทับใจ มีทั้งรายวันรายสัปดาห์และรายเดือน อาหารอร่อย บรรยากาศพรีเมี่ยมมากค่ะ หวังว่าจะได้ต้อนรับคุณผู้ชายนะคะ” เจ้าของโรงแรมสาวร่ายยาวเหยียดตบท้ายด้วยรอยยิ้มการค้าแบบสมบูรณ์ก่อนหันหลังเดินขึ้นไปชั้นสาม ทิ้งชายหนุ่มไว้กับท่าทีนิ่งอึ้งพร้อมใบปลิวยับ ๆ ในมือ
ผ่านไปหลายนาทีกว่าที่ภาวัตจะขยับตัวและระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาในรูปแบบนี้ ช่างแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมากจริง ๆ เธอหันหลังให้กับคำชวน หันหลังให้กับความหล่อเหลาของเขา หันหลังให้กับนามสกุลอันมีอิทธิพลมากมายที่ทุกคนอยากจะได้ครอบครองมัน
เอ...หรือว่าเขาควรจะไปเป็นลูกค้าเธอดีนะ
ชายหนุ่มมองใบปลิวในมืออย่างพิจารณาอีกครั้ง
“โรงแรมทริปเปิลแอลเหรอ”
เขาพยายามนึกอยู่ว่าเจ้าของโครงการทริปเปิลแอลนี่คือใคร เพราะดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินว่ามันเป็นโครงการลูกที่แตกแขนงมาจากโครงการแม่อย่างเดอะทรูธ เขาเองก็มีเพื่อนแนะนำโรงแรมในเครือลูกมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน แต่ไม่มีโอกาสได้แวะเสียที ถ้ารู้ว่าไปแล้วจะได้เจอเธอคนนี้เขาคงจะไปเสียตั้งนานแล้ว
แต่คืนนี้สิแย่ของจริง เขาตั้งใจจะหิ้วนางแบบสาวคนนั้นติดมือกลับบ้านไปสักหน่อย แถมตอนนี้แม่สาวคนนั้นก็หลุดมือไปแล้ว จะให้หาคนใหม่ตอนนี้เขาก็ไม่มีอารมณ์เสียด้วยสิ แต่พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงกดโทรออกในหมายเลขที่คุ้นเคยดี
“ไงแนทคุณอยู่ไหน”
“อยู่คอนโดค่ะคุณวัต แนทเพิ่งกลับมาถึงน่ะค่ะ คิดถึงคุณวัต
จะแย่”
คำตอบของปลายสายทำให้ชายหนุ่มพอใจเป็นอย่างมาก แนทหรือนันสินีรู้จักรุกและถอย ไม่มากไม่น้อยไปเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ดังนั้นเธอคนนี้จึงอยู่กับเขาได้นานกว่าใคร
“อาบน้ำรอเลยนะ เดี๋ยวผมเข้าไป” ชายหนุ่มสั่ง
“แนทนึกว่าคุณจะรออาบพร้อมกันซะอีก” คนปลายสายอ่อยกลับมา
“ไม่ละ วันนี้ผมไม่อยากรอ” เสียงห้วนสั้นของเขาเอ่ยเพียงเท่านั้นความกระเง้ากระงอดของปลายสายก็หายไปทันที หญิงสาวรู้ดีว่าภาวัตไม่ชอบคนเรื่องมากและพูดไม่รู้ฟัง ปกติแล้วเขาไม่ชอบอาบน้ำกับใคร กับเธอนั้นมีบ้างนาน ๆ ครั้งซึ่งถือว่าเหนือกว่าคนอื่นมากแล้ว เธอจึงยอมเข้าใจเขาอย่างง่ายดาย
“ได้ค่ะ รีบมานะคะ”