Home/ เทพยุทธ์แห่งบรรพกาล Ongoing
เทพเจ้าแห่งสงครามปีศาจผู้บ้าคลั่ง

Tags

About
Table of Contents
Comments (1)

สถานที่ลี้ลับแห่งหนึ่งในทวีปเทียนหยวนมีนามว่าดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้าง!

เป็นที่กล่าวกันว่ามีเทพปิศาจโบราณทรงพลังถูกฝังไว้ที่นั่นจำนวนนับไม่ถ้วน วิญญาณแห่งโชคชะตาของพวกเขามีพลังมาก สามารถหลอมรวมเข้ากับผู้คนจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ พวกเขามีพลังน่าเกรงขามขนาดสามารถทำลายสวรรค์และโลกได้

เมื่ออาณาจักรลับเปิดออก สำนักขนาดใหญ่และตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดจะส่งยอดฝีมือวัยเยาว์ของพวกเขาเข้ามามองหาโอกาส

ณ เพลานี้ ภายใต้แท่นบูชาที่นำไปสู่ดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้าง ผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์จำนวนมากจากสำนักต่าง ๆ พากันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอการเปิดออกของดินแดนลับ

"เฮ้ยดูสิ ไอ้เจ้าคนไม่เอาไหนจากตระกูลลู่ก็มาที่นี่กับเขาด้วย!"

ชายหนุ่มรูปงามเดินทางมาจากแดนไกล เขามีอายุประมาณ 13 - 14 ปี มองดูอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ปรากฏกายขึ้นกลับก่อให้เกิดความปั่นป่วน หลายคนพากันจับจ้องไปที่เขา

"เป็นมันจริง ๆ จุ๊ จุ๊ ไอ้หมอนี่มันฆ่าพ่อแม่ แล้วยังจะมีหน้าออกมาพบคนอื่นอีก!"

"ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าลู่หยวนเฟิงกับภรรยาประสบเคราะห์กรรมเพราะต้องการช่วยลูกชายไร้ค่าคนนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตายหรือยังมีชีวิตอยู่ พ่อเฒ่าของตระกูลลู่ยังโกรธมากถึงขนาดลุกขึ้นไม่ไหว"

ลู่เสวียนหนุ่มไม่สนใจเสียงนกเสียงกา

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและดวงตาก็มุ่งมั่น เขาจ้องไปที่ทางเดินของพื้นที่ลับบนแท่นบูชาที่กำลังเปิดออก

ดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้างนี้ในรอบสิบปีจะเปิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มีเพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวอายุต่ำกว่าสิบแปดปีที่พกเครื่องรางปกป้องวิญญาณพิเศษเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

ผู้ที่จะสามารถเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริงของทวีปเทียนหยวนได้อย่างแท้จริงต้องสามารถหลอมรวมตนเองเข้ากับวิญญาณแห่งโชคชะตาของเผ่าปีศาจโบราณได้เท่านั้น

"ข้าต้องเข้าไปในอาณาจักรลับ ค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของเทพปีศาจโบราณ แล้วหลอมรวมเข้ากับเทพให้สำเร็จ!" ลู่เสวียนกำหมัดแน่น จนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดไหลหลั่ง หากแต่เขาหาได้ตระหนักถึงมันไม่

มีเพียงเปลวไฟแห่งความเกลียดชังเท่านั้นที่ลุกโชนอยู่ในใจ เขามุ่งมั่นจะเข้าสู่อาณาจักรลับเพื่อค้นหาวิญญาณแห่งโชคชะตาของปีศาจโบราณผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อรับพลังอันยิ่งใหญ่มาใช้แก้แค้นให้พ่อแม่!

ผู้ฝึกฝนของทวีปเทียนหยวนแบ่งออกเป็นหลายระดับ ได้แก่ ลมปราณแห่งจิตวิญญาณ ร่างล้ำค่า วังศักดิ์สิทธ์ ลมปราณสวรรค์ จิตวิญญาณชีวิต อายตนะศักดิ์สิทธ์ และอมตะจ้าวเวหา เจ็ดระดับใหญ่นี้ยังสามารถแบ่งออกไปเป็นสิบระดับเล็ก ๆ ต่อไปได้อีก

ตามปกติแล้วในร่างของคนเราจะมีลมปราณแห่งจิตวิญญาณอยู่สิบเส้น บุคคลผู้หนึ่งจะสามารถรับจิตวิญญาณฉีแล้วเริ่มฝึกจนกลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเขาเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณเหล่านี้ได้แล้วเท่านั้น

ยิ่งเขาเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้มากเท่าใด ความสามารถก็จะยิ่งทวีสูงขึ้นเท่านั้น

ในโลกที่ต้องแข็งแกร่งจึงจะได้รับความเคารพนี้ เขาเกิดมาอย่างไม่สามารถจะฝึกฝนได้ เขาอายุสิบสี่แล้ว ยังเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณแรกไม่สำเร็จเลย

คนปกติธรรมดาจะสามารถเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณได้สองหรือสามเส้นก่อนอายุสิบสี่ แล้วฝึกฝนลมปราณเหล่านั้นต่อได้จนถึงระดับห้า

ลู่เสวียนเกิดมาในร่างที่ไร้ค่า เขาเพิ่งเปิดลมปราณแห่งจิตวิญญาณแรกได้เมื่อสามปีก่อน เมื่อครึ่งปีที่แล้วเพิ่งถึงสวรรค์ชั้นแรกของลมปราณแห่งจิตวิญญาณ เด็กแปดขวบยังเก่งกว่าเขาเสียอีก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับ "การขนานนามอย่างเพราะพริ้ง" ว่าขี้แพ้มือวางอันดับหนึ่งของเมืองเฉียนหลง

ลู่หยวนเฟิง พ่อของเขาเป็นอัจฉริยะแปรปรวนสวรรค์ มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย จนกลายเป็นผู้มีความสามารถน่าทึ่งที่สุดในทวีป

ยิ่งมีพ่อที่โดดเด่นเยี่ยงนี้ ลู่เสวียนยิ่งถูกรัศมีของพ่อบดบังจนทำให้ดูไร้ค่า กลายเป็นเป้าการเย้ยหยันของคนอื่นอยู่เนือง ๆ

พ่อแม่พยายามปกป้องความภาคภูมิใจในตนเองของเขาด้วยการพาเขาออกไปเสียจากบ้าน และวางแผนที่จะปกปิดตัวตนของเขา ทว่ากลับได้พบเข้ากับศัตรูในระหว่างทางโดยไม่คาดคิด เพื่อปกป้องเขา พ่อของเขาได้เข้าทำการต่อสู้อย่างนองเลือดและถูกซัดตกเหวไป ส่วนแม่ถูกปรมาจารย์ตระกูลตงฟางนำตัวไป ป่านนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

ผู้เฒ่าลู่สูญเสียลูกชายสุดที่รัก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตกอยู่ในภวังค์ เมื่อต้องต่อสู้กับคนอื่น ๆ จึงถูกตีอย่างหนักหน่วง ลมปราณแตกสลายกลายเป็นคนกึ่งพิการ ตระกูลลู่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองกลับตกต่ำถึงขีดสุด

เนื่องจากไม่มีพ่อแม่คอยคุ้มครอง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาจึงได้สัมผัสกับความโหดร้ายของความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์และได้รู้จักกับความเป็นจริงของชีวิตอย่างลึกซึ้ง นั่นทำให้ความมุ่งมั่นของลู่เสวียนกลับลุกโชนกร้าวแกร่งขึ้นอีกครั้ง

มนุษย์ย่อมถูกรังแกเฉกเช่นที่ม้าย่อมถูกขี่ ผู้ใดไม่ต้องการถูกรังแก แถมยังแสวงหาการแก้แค้น ผู้นั้นย่อมจะต้องครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่!

หากได้เข้าสู่ดินแดนลับแห่งพื้นที่รกร้างเพื่อค้นหาวิญญาณปีศาจอันทรงพลัง ลู่เสวียนก็จะมีโอกาสกำจัดร่างที่ไร้ประโยชน์ เปิดเส้นลมปราณแห่งจิตวิญญาณ แล้วเริ่มเดินไปตามเส้นทางแห่งการฝึกฝนอย่างแท้จริง

นี่เป็นโอกาสเปลี่ยนชีวิตแต่เพียงหนึ่งเดียวของเขา!

"เจ้ามาทำอะไรที่นี่" ชายร่างใหญ่ไว้เคราที่มีใบหน้าคมคายดูไม่มีความสุขเมื่อเห็นลู่เสวียน

"ลู่เสวียนรีบกลับไปเลย! นี่ไม่ใช่สถานที่เจ้าควรมา" หญิงสาวหน้าตางดงามอีกคนมองมาที่ลู่เสวียนด้วยสายตาเย็นชา นางเป็นป้าของลู่เสวียนทว่ากลับไม่มีใจเมตตาต่อเขา

"อาสาม ป้าเล็ก ข้าต้องการเข้าสู่อาณาจักรลับ!" ลู่เสวียนมองไปยังคนทั้งสองด้วยสีหน้าราบเรียบแต่หัวใจกลัดหนอง เขาไม่สนใจคำถากถางจากคนนอก แต่ท่าทีดูถูกและเฉยเมยของญาติสนิทนี่ช่างบีบหัวใจเขายิ่งนัก

"ไอ้คนไม่เอาไหน แกปัญญาอ่อนหรือไง แกเข้าอาณาจักรลับไม่ได้หรอกถ้าไม่มีเครื่องรางปกป้องจิตวิญญาณ อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไหม" หนุ่มหน้าหยกสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวก้าวออกมา เขามองลู่เสวียนด้วยสายตาเหยียดหยาม

"พี่สามพูดถูก ลู่เสวียน เจ้าเข้าไปในดินแดนลับโดยไม่มีเครื่องรางไม่ได้หรอก เครื่องรางปกป้องจิตวิญญาณมีค่ามากเกินไป ตระกูลลู่เรามีเพียงไม่กี่ชิ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้เสียเปล่าไปกับคนด้อยคุณภาพเยี่ยงเจ้า กลับไปเร็ว ๆ เลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ท่านปู่ก็จะยิ่งเศร้า" หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

น้ำเสียงของนางราบเรียบแต่ซ่อนความเหยียดหยามไว้ไม่มิด คำว่า "คนด้อยคุณภาพ" เป็นเหมือนมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของลู่เสวียน

นางคือลู่เสี้ยวหยู ลูกพี่ลูกน้องลู่เสวียน ผู้ไม่เคยเต็มใจเรียกเขาว่าพี่ เพราะนางเป็นสาวงามดุจจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ ในขณะที่ลู่เสวียนเป็นคนไม่มีอะไรดี จนใครต่อใครพากันดูถูก

"พวกเจ้าทำอย่างนี้ได้ยังไง" ลู่เสวียนไม่ได้เป็นคนพูด หากแต่เป็นหญิงสาวชุดขาวจากระยะไกลที่ไม่สามารถทนเห็นลู่เสวียนถูกรังแกได้ นางวิ่งอย่างโกรธแค้นไปที่ฝูงชน ชี้หน้าพลางดุด่า "ถึงอย่างไรพี่เสวียนก็เป็นสมาชิกของตระกูลลู่ด้วยเหมือนกัน ไอ้ที่มีคนนอกมาดูถูกเขายังพอทำเนา แต่นี่พวกเจ้าเป็นญาติสนิทของเขา แล้วมาช่วยคนนอกรังแกเขาได้อย่างไร ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า!"

เด็กสาวอายุประมาณ 12 ปี แต่งดงามเกินคำบรรยาย เสื้อผ้าของนางขาวดุจหิมะ ทว่าอารมณ์พลุ่งพล่านดุจน้ำเดือด ทันทีที่นางปรากฏกาย สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่นาง

"สาวน้อยจากตระกูลเสี้ยวอย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น!" หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความโกรธ ดวงตารูปอัลมอนด์เป็นประกาย

"ปิงหยูอย่าไปโกรธพวกเขาเพราะข้าเลย ไม่คุ้มค่าหรอก" ลู่เสวียนห้ามนางไว้ เขาสะเทือนใจมาก ตอนนี้ เว้นจากปู่ของเขาก็มีเพียงเด็กสาวใจดีที่เติบโตมาพร้อมเขาเท่านั้นที่ยังคงเต็มใจยืนหยัดเพื่อเขา

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เสี้ยวปิงหยูก็เป็นสมาชิกของตระกูลเสี้ยว นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา เสี้ยวปิงหยูทำอะไรไปมีแต่จะก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างสองครอบครัวเท่านั้น ลู่เสวียนจึงหยุดนางไว้

"พี่เสวียน พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะปฏิบัติต่อท่านเช่นนั้น" ดวงตาของเสี้ยวปิงหยูแดงเล็กน้อยจากความรู้สึกเจ็บช้ำแทนใจเขา

เสี้ยวปิงหยูยังไม่อยากหยุด แต่สาวสวยวัย 15 ในชุดม่วงเดินอย่างสง่างามเข้ามา นางวางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของปิงหยู พลางถอนหายใจเบา ๆ "ปิงหยูนี่เป็นเรื่องของตระกูลลู่ อย่าเข้าไปแทรกแซง"

พร้อมกันนั้น นางก็ดึงเสี้ยวปิงหยูที่ยังไม่เต็มใจกลับไปยังข้างของนาง เสี้ยวปิงหยูลังเลมองไปที่ลู่เสวียนเงียบ ๆ เขายิ้มเพื่อให้ความมั่นใจกับนางพร้อมพยักหน้าเป็นการบ่งบอกว่าไม่เป็นไร

ลู่เสวียนกล่าวกับคนในตระกูลลู่ต่อไป" พ่อข้าทิ้งเครื่องรางปกป้องวิญญาณไว้ให้ข้า ท่านปู่เก็บมันไว้ให้ข้า วันนี้ท่านมอบมันให้ข้า เพราะเหตุนั้นข้าจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ จะต้องขอให้ตระกูลลู่ทุ่มเงินซื้อเครื่องรางปกป้องวิญญาณให้ข้าแม้แต่เพียงน้อยนิด พวกท่านไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด"

ลู่เสวียนรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ต้องการให้เขาเข้าไปในพื้นที่ลับเพราะกลัวว่าจะต้องเสียเครื่องรางปกป้องวิญญาณอันมีค่าไปเปล่า ๆ ไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของเขาแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก คนที่อยู่ใกล้ชิดเขาที่สุดช่างใจจืดใจดำอะไรเช่นนี้!

"เจ้ามีเครื่องรางปกป้องวิญญาณอีกชิ้นหรือ" ทันทีที่อาสามของลู่เสวียนได้ยินเช่นนี้เขากลับโกรธจนลมออกหู "ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำให้ตระกูลลู่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เราพยายามฟื้นฟูศักดิ์ศรีของตระกูลลู่ บากบั่นฝึกฝนศิษย์รุ่นต่อไปเพื่อรับเครื่องรางปกป้องวิญญาณเจ็ดชิ้น คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของข้าจะเก็บไว้เพื่อคนไม่เอาไหนเยี่ยงเจ้า มันทำให้เราและลูกหลานของเราต้องผิดหวังเป็นที่สุด!"

"พี่สามพูดถูก ลู่เสวียนส่งเครื่องรางปกป้องวิญญาณมาให้ข้าซะดี ๆ!" ป้าเล็กของลู่เสวียนเดินเข้ามาหาเขาพลางข่มขู่ด้วยใบหน้าเย็นชา

ศิษย์หนุ่มสาวผู้โดดเด่นคนอื่น ๆ ของตระกูลลู่ที่ยังไม่มีเครื่องรางปกป้องวิญญาณได้ยินเข้าดังนั้นก็พากันหูผึ่ง หากพวกเขาสามารถบังคับให้ลู่เสวียนมอบเครื่องรางได้ หนึ่งในพวกเขาย่อมสามารถเข้าสู่พื้นที่ลับและได้กลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้จริงในที่สุด!

ทุกคนจึงพากันห้อมล้อมและจับจ้องไปที่ลู่เสวียนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down