Home/ ท่านอ๋องของข้าไม่เหลาะแหละ Ongoing
พอตื่นมา ฉันกลายเป็นคนสมัยโบราณ...
About
Table of Contents
Comments

“คุณหนู ในที่สุดก็ฟื้นเสียที หากยังไม่ฟื้นอีกจะถูกฮูหยินใหญ่พาตัวไปบ้านตระกูลเฉาแล้วนะเจ้าคะ!”

ทันทีที่ลืมตาขึ้น เย่เหยียนก็จำต้องยอมรับความจริงที่ว่านางได้เดินทางผ่านกาลเวลาทั้งยังได้รับการถ่ายทอดความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดจากเจ้าของร่างเดิมมาแล้ว นางไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในศตวรรษที่ 22 อีกต่อไป หากแต่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพเย่หลิงแห่งแคว้นชิงหลานทางตอนใต้ของแผ่นดินเทียนเยว่!

เย่เหยียนเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย “ข้าหมดสติไปนานแค่ไหน? ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”

เฝยชุ่ยยืนอยู่ด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเย่เหยียนถามจึงรีบตอบคำถามว่า "คุณหนูหมดสติมาสามวันแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เกี้ยวของตระกูลเฉาก็จะมารับแล้ว!"

“พรุ่งนี้?” เย่เหยียนเลิกคิ้ว ดูเหมือนว่าฮูหยินใหญ่และครอบครัวจะรอไม่ไหวแล้วจริงๆ!

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ขอบตาของเฝยชุ่ยพลันแดงเรื่อ "คุณหนู ฮูหยินใหญ่บอกว่าชื่อเสียงของคุณหนูพังทลายไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงจะให้ออกเรือนไปแต่งกับคุณชายจากตระกูลเฉา ทั้งยังไม่ต้องจัดงานใหญ่ แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนการหมั้นหมายเดิมจะให้คุณหนูหว่านซินเป็นคนแต่งแทนเจ้าค่ะ!”

เฝยชุ่ยพูดไปพลางสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยความโกรธ นายน้อยตระกูลเฉาสติไม่ดีแต่กำเนิด และผู้ที่เดิมมีการหมั้นหมายอยู่กับคุณหนูของพวกนางคืออวี้อ๋องในเวลานี้! ที่บอกว่าคุณหนูของนางไม่สะอาดนั้น แท้ที่จริงก็เป็นแค่อุบายของพวกนางสองแม่ลูกเท่านั้น!

เย่เหยียนยังคงมีสีหน้ามืดมนพูดไม่ออก นั่นสิ... นางลืมไปแล้วว่าเจ้าของร่างเดิมมีการหมั้นหมายอยู่

ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นถึงอวี้อ๋องของแคว้นชิงหลานที่เพิ่งกลับมาจากการถูกส่งไปเป็นตัวประกันในหนานฝานเมื่อสองปีที่แล้ว และได้รับการสถาปนาเป็นอวี้อ๋องทันทีที่กลับมา!

ทว่าแม้ตำแหน่งอวี้อ๋องจะสูงส่งเพียงใด สองปีมานี้เขาแทบไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงเลย เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการท่องเที่ยวเพลิดเพลินอยู่นอกเมือง!

เย่เหยียนก้มศีรษะลง หลายสิ่งหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของนางอย่างรวดเร็ว

วันคืนที่ไร้ความกังวลของเจ้าของร่างเดิมสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันเมื่อสามปีก่อน เย่หลิงบิดาของนางหายตัวไปอย่างไร้ข่าวคราวในสนามรบ และมารดาสกุลหวังของนางก็เริ่มล้มป่วยในปีถัดมา แม้จะพยายามทำและอดทนทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังต้องตกอยู่ในภาวะสลบไสลไม่ได้สติหลังผ่านไปอีกหนึ่งปี

กระทั่งจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้น ครอบครัวที่เดิมเคยมีแต่ความสุขก็พังทลายลงเช่นนี้!

เนื่องด้วยเย่หลิงได้สละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ทุกอย่างที่เคยมีอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งแดนใต้นั้นจึงตกเป็นของเย่เหยียนและมารดา แต่ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนกำลังจะไปตกอยู่ในมือของกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องเสียอย่างนั้น!

ในขณะที่กำลังคิดนั้น จู่ๆ ประตูก็เปิดออก มีสาวใช้กลุ่มใหญ่เดินเข้ามา แต่ละคนถือกล่องผ้าอันงดงามอยู่ในมือ

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ ไม่ทันไรของก็ถูกยัดไว้ในห้องจนเกือบเต็ม

จากนั้นเย่หว่านซินที่แต่งหน้าเสียงดงามก็เดินยักย้ายเข้ามา

เมื่อมองไปที่เย่เหยียนที่ดูซีดเซียวป่วยอยู่บนเตียง นางก็อดไม่ได้ที่จะยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูกด้วยความรังเกียจ "ชิ ข้าล่ะอายแทนเจ้าเสียจริง เกิดเรื่องขนาดนั้นยังมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อ”

“คุณหนูหว่านซิน จะเกิดเรื่องอะไรกับคุณหนูหรือไม่นั้นท่านรู้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องในวันนั้น…”

ดวงตาของเย่หว่านซินเปลี่ยนเป็นเย็นชา ท่าทีพลันเปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้น "เจ้านายกำลังพูด คนใช้อย่างเจ้ามีสิทธิมาสอดปากที่ไหนกัน? ให้คนมาเอาตัวมันไป อบรมสั่งสอนเสียให้เข็ด!"

สาวใช้สองคนด้านหลังนางเดินไปหาเฝยชุ่ยด้วยใบหน้าที่ดุร้าย แต่เฝยชุ่ยยืนนิ่งอย่างดื้อรั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปแม้แต่น้อย

เย่เหยียนเห็นท่าทางของเฝยชุ่ยจึงรีบจับเสาเตียงพลิกตัวเองขึ้น เมื่อถึงตอนที่ทุกคนตั้งสติได้ สาวใช้สองคนนั้นก็ถูกเย่เหยียนถีบจนกระเด็นไปไกลเสียแล้ว

ร่างของสาวใช้ทั้งคู่ล้มฟาดไปกับโต๊ะด้านหลังก่อนจะร่วงกองลงบนพื้น ร้องครวญครางอยู่กับที่ลุกไม่ได้อยู่พักใหญ่

นางหันกลับไปและมองไปเฝยชุ่ยที่ตาโตอ้าปากค้างตกตะลึง "ตอนแรกพ่อของข้าให้เจ้าเรียนวรยุทธก็เพื่อให้ไว้ปกป้องข้าไม่ใช่หรือ? หากแม้แต่ตัวเองเจ้ายังปกป้องไม่ได้ แล้วจะมาปกป้องข้าได้อย่างไร"

เฝยชุ่ยตกตะลึงอยู่นานก่อนที่จะเรียกสติได้ นางแปลกใจที่จู่ๆ คุณหนูของตนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่นางก็ชอบคุณหนูที่เป็นแบบนี้มาก “เจ้าค่ะ คุณหนู บ่าวรับทราบแล้ว ต่อไปจะไม่ทำกล้าๆ กลัวๆ แบบวันนี้แล้วเจ้าค่ะ!" "

“เย่เหยียน เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!” เย่หว่านซินตะคอกเสียงดัง “เซี่ยหลานกับโม่ลี่คือคนของข้า ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าลงมือกับพวกนาง!”

เย่เหยียนขมวดคิ้ว เฝยชุ่ยรีบก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อปกป้องเย่เหยียน "คุณหนูของข้าต่างหากที่เป็นนายของจวนนี้ อย่าว่าแต่ลงมือเลย ต่อให้สั่งโบยแล้วจะทำไมกัน?"

คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่หว่านซินหัวเราะด้วยความโกรธ นางมองดูเครื่องเรือนโทรม ๆ และบรรยากาศหนาวเย็นรอบตัวอย่างดูหมิ่น ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชา "คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพหรือ? ยังนอนฝันไม่ตื่นหรือไง?"

ในขณะที่พูด เย่หว่านซินหรี่ตาลงอย่างชั่วร้าย "ทีแรกข้าเห็นว่าเจ้าจะแต่งงานเลยตั้งใจมาแสดงความยินดีด้วย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเย่อหยิ่งไม่รู้ชั่วดี เช่นนั้นข้าจะช่วยสั่งสอนเจ้าแทนว่าที่แม่สามีในอนาคตแล้วกัน! เซี่ยหลาน ลงมือ!”

เซี่ยหลานไม่พอใจเป็นอย่างมากอยู่แล้วที่ถูกเย่เหยียนซึ่งเคยยอมให้พวกนางรังแกมาตลอดถีบจนกระเด็นไปเมื่อครู่

ตอนนี้เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณหนูของตน จึงรีบพลิกตัวลุกขึ้นเตรียมจะลงไม้ลงมือกับเย่เหยียนทันที

เฝยชุ่ยกำลังจะยกมือขึ้นห้าม แต่กลับถูกเย่เหยียนดึงไว้

ถัดจากนั้น เฝยชุ่ยก็ได้เห็นกับตาว่าคุณหนูของตนพลิกตัว ส่งแรงออกไปที่ขาเรียวแล้วถีบเซี่ยหลานที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้กระเด็นลอยออกไป

แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เซี่ยหลานกระแทกเข้าไปที่ขอบประตูอย่างแรงจนเลือดอาบหน้า สลบไปโดยที่ยังไม่ทันได้ขัดขืนอะไรด้วยซ้ำ

เย่หว่านซินอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าความโกรธก็ท่วมท้นจิตใจของนางอีกครั้ง นางมองไปที่เย่เหยียนด้วยความเคียดแค้นอย่างที่สุด

“โม่ลี่ จะรออะไร ลงมือเดี๋ยวนี้! ... แล้วพวกเจ้าข้างนอกทำไมยังไม่เข้ามาอีก! ข้าจะให้นังเย่เหยียนมาคุกเข่าแทบเท้าข้าแล้วขอโทษเซี่ยหลานซะ!”

“คุณหนูหว่านซิน จะทำเกินไปแล้วนะ!” เฝยชุ่ยตะโกนอย่างร้อนรน

ทว่าไม่มีใครสนใจคำพูดของเฝยชุ่ยเลย เด็กรับใช้หนุ่มห้าหกคนรีบกรูกันเข้ามาในห้องซอมซ่อนั้น

แม้ว่าจะไม่ได้มีอาวุธใดอยู่ในมือ แต่รูปร่างของพวกเขาก็แข็งแรงกว่าหญิงสาวมาก ซึ่งนั่นทำให้เฝยชุ่ยตระหนก

เย่เหยียนหรี่ตาลงมองบรรดาเด็กรับใช้ที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อม "พวกเจ้ารับเงินเดือนจากจวนแม่ทัพ แต่กลับฟังคำสั่งของคนอื่น เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป!"

ไม่มีใครให้ความสำคัญกับคำพูดของเย่เหยียน กระทั่งว่ายังมีเด็กรับใช้สองคนกล้าหัวเราะออกมาเสียงดังด้วย

เพราะในสายตาของพวกเขา เย่เหยียนที่อ่อนแอและขี้ขลาดเพียงแต่กำลังเสแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งก็เท่านั้น

แต่ชั่วขณะต่อมา เมื่อเข่าของทั้งคู่ถูกหญิงสาวบอบบางที่พวกเขาดูถูกเตะจนหัก เด็กรับใช้สองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก็ร้องโอดโอยออกมาอย่างน่าสมเพช

ใบหน้าของเย่หว่านซินซีดขาวอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาของนางที่มองไปยังเย่เหยียนมีความกลัวปรากฎขึ้นไม่น้อย "เย่เหยียน เจ้ากล้าดียังไง! เจ้า..."

“เฝยชุ่ย?” เย่เหยียนไม่แม้แต่จะมองเย่หว่านซิน เพียงแต่เอียงหน้าเล็กน้อย “ดูไว้ให้ดีนะ ต่อไปหากมีคนกล้ามายั่วยุเราอีกละก็ ...นี่คือตัวอย่าง เข้าใจไหม?”

เฝยชุ่ยเหลือบมองใบหน้าของคุณหนูของตน เมื่อเห็นเรียวหน้าด้านข้างที่ดูจริงจังนั้น นางจึงรีบพยักหน้าทันควัน “เข้าใจเจ้าค่ะ คุณหนู!”

จากนั้นเย่เหยียนก็หันกลับไปมองเย่หว่านซินที่สีหน้าซีดเผือด “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ามาที่นี่ทำไมนะ? ไหนลองพูดอีกครั้งซิ”

จู่ๆ ตอนนี้เย่หว่านซินก็รู้สึกกลัวเย่เหยียนขึ้นมาภายในใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่แม้จะหวาดกลัว แต่เมื่อคิดถึงความขี้ขลาดของเย่เหยียนตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางก็ทำใจรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้อีกครั้ง

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down