About
Table of Contents
Comments

  ที่ร้านขายขนมไทย ฟองจันทร์ ซึ่งอยู่ในซอยเล็กๆ ของอำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้ โดยจะทำขนมไทยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมสังขยา ขนมสาลี่คลุกมะพร้าว ฝอยทอง วุ้นกะทิ โดยฟองจันทร์ หญิงสาววัย 25 ปี เป็นเจ้าของร้านและดูแลร้านขนมไทยแห่งนี้

  เธอมีพี่ชายที่รักมากคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเพลิงภพ ที่คอยดูแลตัวเธอมาโดยตลอด หลังจากที่พ่อกับแม่จากไปแล้ว อีกฝ่ายก็คล้ายเป็นดังพ่อของเธออีกคนหนึ่ง เพราะคอยดูแลและส่งเสียเธอเรียนต่อจนกระทั่งจบปริญญาตรี ซึ่งเธอก็ได้มาเรียนต่อเกี่ยวกับการทำขนมด้วย พี่ชายก็ไม่ได้ว่าอะไร สนับสนุนเป็นอย่างดี ไม่ว่าน้องสาวคนนี้อยากทำอะไร เพลิงภพไม่เคยขัดใจเลย

  ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงของตนเอง พี่ชายของเธอเรียนจบทางด้านวิศวะเหมือง เพราะตั้งใจจะมาทำธุรกิจบนที่ดินของบิดาและมารดา และเขาก็ทำได้สำเร็จ ตอนนี้ธุรกิจเหมืองแร่ของพี่ชายกำลังก้าวหน้ามากทีเดียว อาทิตย์หนึ่งอีกฝ่ายถึงจะกลับมาหาตนเอง ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในเหมืองมากกว่า

  ฟองจันทร์มีคนรักชื่อวโรดม เป็นชายหนุ่มที่ทำงานอยู่ในกรมทหาร ทุกคนในที่ทำงานก็ไม่กล้าเอาเปรียบเขา เพราะอิทธิพลของผู้เป็นพ่อ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว ทั้งสองคบกันมาสองปีกว่าแล้ว ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ได้เจอกันที่ร้านทำขนมแห่งนี้

  เมื่ออีกฝ่ายแวะมาซื้อขนมกับเพื่อนที่เป็นทหารด้วยกัน และนั่นจึงทำให้เขามาเป็นลูกค้าประจำของเธอ จนปัจจุบันกลายมาเป็นคนรัก ครั้นมองนาฬิกาเห็นว่าห้าโมงแล้ว จึงบอกกับลูกจ้างซึ่งมีหน้าที่ช่วยทำขนมและขายขนมสองคน

  “แป้ง น้อย ห้าโมงแล้ว เตรียมตัวปิดร้านเถอะ”

  “ค่ะ พี่นิ่ม”

  ทั้งสองเรียกเธออย่างเคารพราวกับฟองจันทร์เป็นพี่สาว ทำงานอยู่กับเธอมานานจนรู้ใจกัน ฟองจันทร์ไม่เคยมองแป้งกับน้อยเป็นดังลูกจ้างเลย แต่คล้ายเป็นน้องสาวมากกว่า เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กไม่มีน้องสาวหรือน้องชาย จึงทำให้เธออยากมีน้องสาวเช่นกัน

  “เอาขนมกลับไปกินบ้างก็ได้นะ แป้ง น้อง” เป็นเจ้านายที่มีน้ำใจอย่างมาก

  “ขอบคุณค่ะพี่นิ่ม”

  “แล้วพี่นิ่มล่ะค่ะจะกลับเลยรึเปล่า” น้อยสอบถามด้วยสีหน้าอยากรู้

  “กลับเลยเหมือนกัน”

  “เมื่อไรพี่นิ่มกับคุณดมจะแต่งงานกันคะ” แป้งเอ่ยอย่างกระเซ้าเย้าแหย่

  “พูดถึงเรื่องนี้แล้วมันเศร้าน่ะ พ่อกับแม่ของคุณดมไม่ยอมรับพี่หรอก”

  “แย่จังเลยค่ะพี่นิ่ม”

  “ใช่ แต่พี่ไม่สนหรอก ขอแค่ให้คุณดมรักพี่ก็พอ”

  “จริงด้วยค่ะ” ทั้งสองพยักหน้าตอบรับอย่างเห็นด้วย

  ก่อนจะเดินไปจัดการปิดร้านด้วยการดึงบานประตูลงมา โดยจัดการเก็บล้างอุปกรณ์จนเรียบร้อย เพื่อมาทำงานในวันรุ่งขึ้น

  แป้งกับน้อยก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไปด้วยกัน ส่วนฟองจันทร์ก็สะพายกระเป๋ายังบ่าเล็กเพื่อจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปยังบ้านที่อยู่ในซอยถัดจากนี้สองซอย ระหว่างนั้นก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าร้าน เธอก็คิดว่าอีกฝ่ายจะมาซื้อขนมที่ร้านของตนเอง จึงหันไปบอกให้ทราบด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน

  “จะมาซื้อขนมเหรอคะ ร้านปิดแล้วค่ะ”

  “ฉันไม่ได้มาซื้อขนม” หญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยก้าวลงมาจากรถพร้อมกับผู้หญิงสองคน

  “ถ้าคุณไม่ได้มาซื้อขนมแล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะคะ”

  “จะมาคุยกับเธอน่ะสิ” บอกให้รับรู้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายก็ย้อนถามกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย

  “จะมาคุยกับฉัน เรื่องอะไรเหรอคะ”

  “เธอต้องเลิกยุ่งกับคู่หมั้นของฉัน”

  “คู่หมั้นของคุณเป็นใครกัน” สอบถามด้วยสีหน้าอยากรู้

  “คู่หมั้นของฉันชื่อคุณวโรดม”

  “เขาบอกกับฉันว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับคุณเด็ดขาด” ฟองจันทร์นำคำพูดของคนรักมาบอกให้เธอรู้

  “เขาต้องแต่งงานกับฉัน ส่วนเธอก็ต้องเลิกคบหากับเขา”

  “คุณต่างหากมาทีหลัง แล้วยังมาแย่งคนอื่นเขาอีก”

  “ฉันไม่ได้มาทีหลัง ผู้ใหญ่น่ะเขาคุยเรื่องนี้กันมานานละ ว่าจะให้ฉันกับคุณวโรดมแต่งงานกัน” อีกฝ่ายดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่บอก

  “ใช่ มองตัวเองหน่อยเถอะ ว่ามีดีอะไรที่คู่ควรกับผู้ชายน่ะ” หญิงสาวที่มาด้วยอีกคน มองอย่างประเมินการแบบดูถูก

  “เขารักฉัน แค่นี้ฉันก็เหมาะสมที่จะคู่ควรกับเขาแล้ว ไม่เหมือนคุณ ผู้ชายไม่ได้รัก” ฟองจันทร์ยอกย้อนกลับไป

  “ไม่จริง เขารักฉัน”

  อีกฝ่ายผลักร่างของศัตรูหัวใจออกไปอย่างแรงด้วยความโมโห จนตัวฟองจันทร์ล้มลงไปยังถนน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีรถยนต์แล่นมาและเบรคไม่ทัน กรี๊ด! ฟองจันทร์กรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อรถพุ่งเข้ามาก่อน ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกรถชนกระเด็นไป ผู้หญิงทั้งสองคนที่ยืนอยู่และเห็นเหตุการณ์ก็เกิดความตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องที่เลยเถิดเช่นนี้

  “ยายนั่นจะตายรึเปล่าคะพี่ส่อง”

  “เรารีบไปกันเถอะยายโฉม” พี่สาวเอ่ยอย่างเร่งเร้า

  ก่อนจะรีบก้าวขึ้นไปบนรถทันที ส่วนคนขับรถที่รับรู้ว่าตนเองขับรถชนคนก็รีบขับหนีทันที เพราะกลัวความผิด แต่โชคร้ายล้อหลังกลับเหยียบถูกขาข้างขวา สร้างความเจ็บปวดให้กับหญิงสาวอย่างมาก ซึ่งชาวบ้านที่มาเห็นร่างของฟองจันทร์ก็รีบส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

  โดยเมื่อโฉมศิริกับส่องฤดีขับรถกลับมาถึงบ้านทั้งสองก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะหันไปปรึกษากัน

  “พี่ส่องว่าผู้หญิงคนนั้นจะตายไหมคะ”

  “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ขอให้มันไม่ตายเถอะ พวกเราจะได้ไม่ต้องมีบาปติดตัว”

  “นั่นสิคะพี่ส่อง โฉมไม่น่าไปผลักแม่นั่นเลย ดูสิเป็นเรื่องเลย”

  “ตอนนี้จะมาโทษตัวเองก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะยายโฉม เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เราแค่ผลักเบาๆ แต่ยัยนั่นดันล้มลงไปที่ถนนเองต่างหากล่ะ” ส่องฤดีบอกกับน้องสาวที่กลับมาด้วยกัน

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down