About
Table of Contents
Comments

  เสียงวิ่งสวบสาบผ่านพงหญ้าบนภูเขาสูงดังขึ้น ราวกับว่ามีใครคนหนึ่งกำลังหนีตายจากอะไรสักอย่าง ความรีบร้อนทำให้ร่างที่นอนทอดกายพักผ่อนถึงกับต้องลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองหาแหล่งที่มาของเสียงรบกวนนั้น เขาหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่ถูกบังคับให้เดินทางมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้

  องค์ชายหวังจื่อเทียน ลอบหนีออกจากกระโจมที่ประทับแต่เพียงลำพังเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว การเดินทางที่ผ่านมาค่อนข้างยากลำบากและปราศจากความสะดวกสบาย นางกำนัลเพียงสองคนไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ทันใจนัก แม้จะใช้เวลาเพียงแค่สิบวัน ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาขุ่นเคืองใจได้อย่างมาก ด้วยรอบตัวนั้นมีเพียงป่าเขาและแม่น้ำลำธาร แตกต่างจากเมืองหลวงที่ต้องจากมาเมื่อหลายวันก่อนโดยสิ้นเชิง

  ชายหนุ่มอยู่ในวัยฉกรรจ์ ด้วยความสูงที่มากกว่ามาตรฐานอยู่เกือบศอกและอกที่ผายกว้าง ทำให้หวังจื่อเทียนดูน่าเกรงขามเกินกว่าวัยเพียงยี่สิบปีของเขา ในที่สุดดวงตาเรียวยาวน่าค้นหาก็พบต้นตอของเสียงกวนใจ เพียงเสี้ยววินาทีวงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็คว้าเอาตัวปัญหาที่ทำให้ทุ่งหญ้าแตกตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดได้ไม่ยากนัก

  เนื้อตัวนุ่มนิ่มจริงเชียว...

  “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้าตัวร้าย!”

  เจ้าของร่างเล็กที่สูงไม่เกินไปกว่าอกของเขาทั้งดิ้นและตะโกนเสียงดัง ทำเอาหวังจื่อเทียนถึงกับอ้าปากค้าง เนื่องด้วยไม่เคยมีผู้ใดเอ่ยวาจาหยาบคายต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน ในใจอยากจะจัดการลงโทษสั่งเฆี่ยนตีเสียให้เด็ดขาด

  แต่เมื่อเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มก็จำต้องใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้ หนุ่มน้อยเจ้าของดวงตากลมโตหวานซึ้งกำลังจ้องมองชายแปลกหน้าอย่างตื่นตระหนก

  “เลิกมองข้าได้แล้วเจ้าทหารทึ่ม ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!”

  เหม่ยฟาง เจ้าของดวงตาคู่สวยอย่างน่าประหลาดยังคงโวยวายไม่เลิก ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดหอมกรุ่นของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของนางเต้นแรงราวกับตีกลองศึก จิตใต้สำนึกระลึกถึงคำสอนของท่านเสนาบดีแห่ง บ้านต้าหวัง ชายชราคงจะตำหนิยกใหญ่ หากทราบว่าคุณหนูเล็กกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษเพศ

  “ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ สกปรกเลอะเทอะเช่นนี้ใครจะอยากถูกเนื้อต้องตัว ที่ต้องคว้าไว้ก็เพราะกลัวจะหกล้มเป็นอะไรไปก็เท่านั้น ทว่าล้มไปก็คงไม่เป็นไร เพราะเด็กผู้ชายเจ็บตัวร้องไห้เพียงแค่พริบตาเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้อ่อนแอเฉกเช่นเด็กผู้หญิง”

  องค์ชายรองปล่อยตัวเหม่ยฟางด้วยความเต็มใจ เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ได้ตัวเบาสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะชุดเทอะทะที่สวมใส่อยู่ทำให้ร่างผอมบางนั้นมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ใบหน้าแดงก่ำของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกขบขันปนเอ็นดู

  “ขอบใจท่านมาก หากเป็นยามปกติคงจะได้มีเวลาตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือมิให้ข้าหกล้ม แต่ตอนนี้คงต้องขอตัวไปส่งข่าวให้คุณหนูทราบก่อน ว่าขบวนของฝ่าบาทใกล้จะมาถึงแล้ว คุณหนูจะได้เตรียมตัวให้ทันการ”

  เหม่ยฟางพยายามปัดฝุ่นและเศษใบไม้ออกจากเสื้อผ้าของนาง องค์ชายรูปงามมองอยู่ถึงกับทนไม่ไหว ต้องใช้ผ้าผืนเล็กปัดแก้มมอมแมมของคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู

  “ดูสิ เปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว บ้านต้าหวังเลี้ยงดูคนรับใช้เช่นนี้เป็นที่น่าขบขันนัก” องค์ชายรองยังคงบ่นพลางถอนหายใจ เขาดื้อดึงหนีออกมาจากที่ประทับชั่วคราวหลังจากทราบถึงเป้าหมายของการเดินทาง

  ถึงแม้เหล่าทหารจะทัดทานอย่างไรก็ไม่สนใจฟัง เมื่อตาคู่เรียวสวยมองเห็นผ้าผืนนั้นดูสกปรกซอมซ่อ จึงตัดสินใจยัดมันเข้าไปในมือของเด็กหนุ่ม ในใจลืมเสียสิ้นว่าเพิ่งจะได้รับพระราชทานมาจากพระบิดา

  “นี่ท่านรับผ้ากลับไปเลยนะ ข้ารับไว้มิได้จริงๆ หากนำกลับไปที่บ้านต้าหวัง ต้องถูกลงโทษหนักเป็นแน่”

  เหม่ยฟางกล่าวเสียงสั่น เพราะนางกำลังรับของจากชายแปลกหน้า หนุ่มร่างสูงจากเมืองหลวงคงไม่ทราบว่านางเป็นใคร หรือมีฐานะอะไรในบ้านต้าหวัง

  “รับไว้เถิด ข้ามีอีกเยอะ มิเช่นนั้นก็จงโยนทิ้งไปเสีย หรือจะเอาไปทำลายที่ไหนก็ตามแต่ ส่วนข้าคงต้องไปก่อน เพราะขบวนเสด็จน่าจะใกล้ถึงบ้านต้าหวังแล้ว เจ้าเองก็ควรรีบกลับไปแจ้งให้คุณหนูทราบเช่นกัน”

  องค์ชายยักคิ้วชอบใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าค่อนข้างกระอักกระอ่วน ไม่บ่อยนักที่เขาจะรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอตัวเผยรอยยิ้มเช่นนี้

  มือน้อยกำผ้าเช็ดหน้าแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เนื้อสัมผัสนุ่มสมกับเป็นผ้าแพรชั้นดี สีเหลืองทองดูนวลตาแม้จะเปรอะเปื้อนไปบ้าง ร่างเล็กไม่ทันสังเกตรอยปักเพราะมีสิ่งอื่นที่ต้องทำรออยู่ เหม่ยฟางรีบวิ่งตรงไปยังบ้านต้าหวังเพื่อบอกคุณหนูใหญ่เรื่องขบวนเดินทางจากวังหลวงที่กำลังจะมาถึง

  เห็นทีจะต้องปิดบังเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับทหารหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ก่อน การพบปะกับชายหนุ่มสองต่อสองกลางท้องทุ่งหญ้านั้นไม่ใช่เรื่องดี แม้เขาจะคิดว่านางเป็นเด็กผู้ชายก็ตาม

  เสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน ย้ำอยู่เสมอว่าเหม่ยฟางกำลังย่างเข้าสู่วัยสาว ควรตระหนักเรื่องรักนวลสงวนตัวให้มาก ชายชราย้ำคำหนักแน่นจนนางจำขึ้นใจและพยายามปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ยังคงเก็บผ้าที่ชายหนุ่มแปลกหน้าใช้ทำความสะอาดใบหน้านางไว้

  หากใครเห็นเข้าก็คงเกิดเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย เหม่ยฟางวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังห้องนอนของตน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องของคุณหนูใหญ่นัก เจ้าตัวซ่อนของที่ระลึกนั้น ก่อนจะรีบส่งข่าวให้กับสาวสวยสมวัยที่อยู่ห้องถัดไป

  “ท่านพี่ผิงอัน ขบวนจากทางเมืองหลวงกำลังจะมาถึงแล้ว” สิ้นเสียงของเหม่ยฟาง หญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามจึงได้หันมามองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้น

  คุณหนูผิงอัน ยังไม่ได้บอกกับน้องสาวตัวน้อยตรงหน้าเลยว่ากำลังจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น นางพอจะเดาได้ว่าทางวังหลวงกำลังต้องการสิ่งใดจากบ้านต้าหวัง แต่เมื่อเห็นสภาพของน้องสาวต่างสายเลือด ใบหน้าที่กำลังโศกเศร้าก็ถึงกับเปลี่ยนอารมณ์ได้ในทันที

  “เหม่ยฟาง! ทำไมสภาพเจ้าจึงได้ดูย่ำแย่เช่นนี้ แอบหนีไปเที่ยวในป่าบนภูเขานั่นมาอีกแล้วใช่หรือไม่”

  คุณหนูใหญ่เอ็ดคนตัวเล็กเสียงแผ่ว น้องสาวบุญธรรมของนางดื้อดึงเหลือเกิน ใครบอกสอนอย่างไรก็ไม่ใคร่จะสนใจฟัง ดวงตาคู่สวยนั่นก็เหลือร้าย ทำเอาคนที่อยากจะดุใจแทบขาดต้องล้มเลิกความพยายาม

  “บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชาย คราวนี้โดนหวายท่านพ่อหลังลายข้าไม่รู้ด้วย” ผิงอันบ่นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะช่วยทำความสะอาดใบหน้าของน้องสาวจอมซน

  บรรดาสาวใช้พากันแอบหัวเราะเล็กน้อย ดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นมอมแมมมากกว่าทุกวัน นับเป็นโชคดีที่ คุณแม่บ้านตันหยง ผู้ควบคุมกฎระเบียบไม่ได้มาเห็นภาพนี้ มิเช่นนั้นคงมีเสียงเอ็ดตะโรดังขึ้นเป็นแน่

  แม่นมสุ่ยเฟิง ได้ยินเสียงเอ็ดจึงรีบเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดเหตุชุลมุนอันใดขึ้น หญิงชราถึงกับกุมศีรษะทำท่าทางคล้ายจะเป็นลม เมื่อพบว่าคุณหนูเล็กของบ้านต้าหวังนั้นดูสกปรกเกินกว่าจะแก้ไขให้ทันฤกษ์มงคลได้ โดยปกติแล้วคุณแม่นมจะใจดีกว่าคุณแม่บ้านมาก แต่กลับไม่ใช่ในวันนี้

  “ตายแล้ว! ที่ตั้งใจสอนสั่งให้เป็นกุลสตรีมาตลอดสิบห้าปีนี่ไม่รับฟังข้าเลยหรือ เสียใจจริงๆ ที่แก่จนจะเข้าโลงแล้ว ยังไม่สามารถทำให้คุณหนูปรับปรุงตัวได้เสียที ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่ายายแก่คนนี้จะต้องตายตาไม่หลับเพราะใคร จะว่าจะกล่าวอะไรแม่คุณก็ทำตาปริบๆ ให้ดุด่าไม่ลง ก็คงจะได้แต่โทษตนเองที่ไร้ความสามารถ”

  เหม่ยฟางถูกตัดพ้อเสียยกใหญ่ จนดวงตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แม้พยายามกลั้นแต่กลับไม่สำเร็จ ดวงหน้างามที่ทุกคนในบ้านหวั่นใจว่าจะเป็นภัยแก่ตัวในภายภาคนั้นแดงก่ำเพราะถูกดุ ทางด้านแม่นมเองใจอ่อนตั้งแต่เห็นน้ำตาหยดแรก หญิงชราถอนหายใจยาวก่อนจะสั่งการให้สาวใช้พานางไปขัดสีฉวีวรรณให้สมเกียรติของคุณหนูเล็ก หรือบุตรบุญธรรมของท่านเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน

  หลังจากใช้เวลาครู่ใหญ่ เหม่ยฟางก็ได้แอบย่องตามเข้ามาให้ห้องรับรองแขก พิธีการต้อนรับผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว นับเป็นเรื่องดีที่การแปลงโฉมของนางนั้นกินเวลาพอตัว ทุกอย่างจึงจบลงก่อนที่คุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังจะได้สร้างวีรกรรมยุ่งเหยิงขึ้นมาอีก นางมาทันได้เห็นผิงอันก้มศีรษะและย่อตัวอย่างงดงามตามมารยาท พร้อมทั้งยื่นมือไปรับสิ่งของบางอย่างจากชายหนุ่มตรงหน้า จากนั้นก็รีบร้อนออกจากห้องรับรองในทันที

  “ท่านพี่! เหตุใดจึงต้องร้องไห้ ใครทำท่านพี่บอกข้ามา ข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้” แม่ตัวเล็กกล่าวเสียงแข็งเจือแววตื่นตระหนก เมื่อเห็นพี่สาวที่ตนรักหมดหัวใจมีน้ำตานองหน้า นางนึกอยากจะวิ่งไปดูหน้าคนใจร้ายที่ทำให้ผิงอันต้องมีน้ำตา แต่ทว่าก็ตัดสินใจตามคุณหนูใหญ่กลับไปที่ห้องพักเพื่อสืบความเสียก่อน

  “ไม่มีประโยชน์หรอกเหม่ยฟาง สิ่งที่ข้าสงสัยมาตลอดเกี่ยวกับการมาของทางวังหลวงนั้นไม่ผิดแล้ว ข้าถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์ชาย เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการไปจากที่นี่ แต่จะได้ประโยชน์อะไรจากการขัดขืนกันเล่า ถึงอย่างไรลูกสาวบ้านนี้ก็ต้องแต่งงานกับองค์ชายหวังจื่อเทียนอยู่แล้ว!”

  มือเรียวมองสิ่งของสำคัญที่ได้มา ก่อนจะเดินไปปาลงในเตาผิงอย่างไม่ใยดี ใบหน้างามเผยความโกรธปนความเสียใจที่ซ่อนไว้ไม่มิด

  “ท่านพี่ไม่ไปไม่ได้หรือ มีอะไรที่ข้าทำได้บ้าง ข้าเป็นแค่บุตรบุญธรรมจะเป็นตัวแทนได้หรือไม่ เราน่าจะลองไปปรึกษาคุณแม่บ้านดูเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”

  สาวน้อยพยายามหาทางออก สิ่งที่พูดนั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แม่บ้านตันหยงเป็นผู้อาวุโสที่ท่านเสนาบดีแห่งบ้านต้าหวังเคารพก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหญิงชราจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ไปกว่าคนจากทางวังหลวง

  “เจ้าทำอะไรไม่ได้หรอกเหม่ยฟาง ทางเดียวที่จะช่วยได้คือเจ้าต้องแต่งงานกับองค์ชายหวังจื่อเทียน ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเจ้ามีใบหน้าที่งดงามราวกับสวรรค์สร้าง อีกไม่กี่ปีข้างหน้าคงไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธเรื่องที่เจ้าจะกลายเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด แต่ทางวังหลวงต้องการเจ้าสาวในวันที่เจ้าก็ยังเด็กเกินไป” ผิงอันหัวเราะทั้งน้ำตา นางซาบซึ้งในน้ำใจของคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก

  “ข้ามั่นใจว่าท่านทั้งคู่จะต้องมีความสุข ได้ยินมาว่าองค์ชายหวังจื่อเทียนมีรูปร่างสูงสง่า ใบหน้างดงาม จิตใจโอบอ้อมอารี ส่วนคุณหนูผิงอันแห่งบ้านต้าหวังก็ได้ชื่อว่างามล้ำกว่าสตรีใดในแดนใต้ ผู้คนที่พบเจอต่างพากันตกหลุมรัก องค์ชายรองเองก็คงไม่ต่างจากผู้อื่น” เหม่ยฟางกล่าวปลอบใจคนกำลังเศร้า

  “ถึงอย่างไรข้าก็คงไม่มีความสุข ไม่ว่าองค์ชายจะรูปงามหรือประเสริฐเพียงใด ข้าก็ไม่สามารถมีความสุขกับเขาได้ เจ้ายังเด็กคงไม่เข้าใจหรอกว่าเรื่องความรักมันบังคับกันได้ยาก”

  ผิงอันยิ้มโศกให้กับน้องสาวตัวเล็ก ก่อนจะขอแยกตัวไปพักผ่อนตามลำพัง เพราะไม่ต้องการให้ผู้เยาว์ต้องเห็นน้ำตาของตนมากไปกว่านี้

  เหม่ยฟางนึกสังหรณ์ใจ จึงแอบย่องกลับไปยังห้องโถง เมื่ออยู่ในระยะที่ใกล้มากพอจึงมองเห็นใบหน้าอันชัดเจนของบุคคลที่เป็นสาเหตุทำให้คุณหนูใหญ่ต้องร้องไห้ ใบหน้านั้นดูคุ้นตาอย่างประหลาด เมื่อเพ่งมองให้ดีก็ถึงกับต้องอึ้งไป เพราะองค์ชายจากเมืองหลวงก็คือนายทหารคนนั้นนั่นเอง!

  เหม่ยฟางถึงกับขยี้ตาอีกครั้งเพราะยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองกำลังเห็น บุรุษร่างสูงใหญ่ที่คว้าตัวนางเอาไว้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ยามนี้กลับปรากฏตัวในฐานะองค์ชาย เขาแต่งองค์ทรงเครื่องแตกต่างจากเดิมลิบลับ ซ้ำยังแลดูมีสง่าราศีราวกับมิใช่ชายแปลกหน้าที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแก้มนวลของนาง

  ผ้าเช็ดหน้า!...

  นึกไม่ถึงเลยว่าผ้าผืนนั้นจะเป็นสมบัติขององค์ชาย ร่างบางเข้าใจว่ามันเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดาๆ ของทหารนายหนึ่งที่ปรารถนาดี ไม่อยากให้เด็กหนุ่มใบหน้ามอมแมมกลับบ้านก็เท่านั้น เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเหม่ยฟางจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องของคุณหนูผิงอัน ด้วยหวังจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พบว่าอีกฝ่ายนอนร้องไห้จนผล็อยหลับไปเสียแล้ว

  เหม่ยฟางเหม่อมองใบหน้างามที่หลับไปทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว เมื่อสำนึกได้ว่าการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างประโยชน์อันใด จึงตัดสินใจเก็บมันไว้เป็นความลับ นางเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาผิงตรงมุมห้อง มองดูปรากฏข้าวของเครื่องใช้ที่ได้รับจากองค์ชายมอดไหม้อยู่ในนั้น

  แม้จะเอ่ยปากตกลงไปแล้ว แต่การกระทำของผิงอันในเชิงสัญลักษณ์เปรียบเสมือนการปฏิเสธการแต่งงาน นางไม่ได้มีความสุขจากการถูกคลุมถุงชนในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย ของขวัญที่ได้รับจากองค์ชายรองจึงกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่เช่นนี้เอง

  พิธีมงคลอันยิ่งใหญ่จนเป็นที่เลื่องลือได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทว่าดวงหน้าของผิงอันยังคงหม่นหมอง ทำเอาคนรอบข้างนึกสงสาร หัวใจของนางแทบแหลกสลายในยามที่ต้องลาจากคนในครอบครัว แต่ก็เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าคุณหนูใหญ่แห่งบ้านต้าหวังกำลังจะได้ไปอยู่สุขสบาย และในท้ายที่สุดคู่บ่าวสาวคงจะเกิดใจปฏิพัทธ์ต่อกันไปเอง

  หากจะมีใครสักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าสาวหมาดๆ อย่างผิงอัน ก็คงมีเพียงคุณแม่บ้านตันหยงที่กุมความลับไว้ทั้งหมด

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down