ผู้คนต่างเล่าขานกันมายาวนานว่า เจี้ยนเป่ยอ๋อง เจ้าแห่งเมืองเหนือนั้น เป็นผู้ที่โหดร้ายและทารุน ท่านอ๋องเคยผูกพันหมั้นหมายกับสนมมาแล้วถึงเก้าคน ทั้งเก้าคนล้วนตายคาเตียงกันทั้งสิ้น และตอนนี้ บุตรหญิงคนโตแห่งตระกูลซู หญิงที่ถูกขนานนามว่า "งามเลิศที่สุดในแผ่นดิน" กำลังเป็นที่ หมายตาของเจี้ยนเป่ยอ๋อง ด้วยเกรงว่าบุตรีของตนต้องมามีชะตากรรมเดียวกับสนมคนก่อน ๆ ท่านเจ้าเมืองซูจึงแต่งเป็นกลอุบาย ให้ทาสหนุ่มที่งามเสียยิ่งกว่านางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ออกเดินทางสู่จวนของเจี้ยนเป่ยอ๋องแทน...
ความสุขสำราญเอ่อล้นทั้งสองฟากฝั่งถนนสายข้าหลวง ซึ่งทอดยาวสู่ที่พำนักของเจี้ยนเป่ยอ๋อง
เหล่าราษฎรต่างรวมตัวกันชื่นชมขบวนแห่ที่กำลังหิ้วเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมทั้งสินสอดทองหมั้นกว่าสี่สิบแปดประการซึ่งกำลังมุ่งตรงไปยังจวนอ๋อง คฤหาสน์ของท่านอ๋อง
"วันนี้ตระกูลไหนจัดงานแต่งงานเหรอท่านพี่ชาย?" ชายผู้หนึ่งจากนอกเมืองเข้ามาร่วมสนุกกับชาวบ้านด้วย แต่ด้วยความที่ไม่รู้สถานการณ์ จึงได้ไต่ถามขึ้นมาด้วยความฉงนสงสัย
“งานแต่งเจี้ยนเป่ยอ๋องน่ะ! เขาท่านจะแต่งงานกับลูกสาวท่านผู้พิพากษาเจ้าเมืองซู หญิงที่งามที่สุดในราชวงศ์จิง!” ชาวบ้านคนหนึ่งตอบ
นามของเจี้ยนเป่ยอ๋องโด่งดังไปไกลถึงหูบรรดาคนนอกเมือง
เป็นที่เล่าขานกันว่าเขาคืออ๋องอที่ทรงเกียรติที่สุดในแผ่นดินราชวงศ์จิง เขาบัญชากองทัพนับหมื่นแสน และศัตรูที่ไหนใดได้เห็นเขาท่านเขาก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อ เพราะแม้แต่กำลังพลนับร้อย ๆ ในสมรภูมิก็มิอาจต้านทานฝีมือยุทธ์ของเเขาท่านขาเพียงผู้เดียวได้ ว่ากันว่าเขาท่านเขาสูงถึงแปดฉื่อศอก
ประมาณ185ซ.ม.
ดวงตาดุร้ายเฉกเช่นวัวกระทิง ราวกับว่าเขาท่านเขาเป็นพญายมผู้ที่คลานออกมาจากยมโลกมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์ สิ่งที่ท่านอ๋องทรงโปรดปรานมากที่สุด คือการได้บั่นคอศัตรู ขว้านเอามันสมองออกมาและนำกะโหลกไปทำจอกเหล้าเพื่อดื่มสรรเสริญพี่น้องผู้ล่วงลับ
เจี้ยนเป่ยอ๋องมิใช่ผู้ที่ห่างไกลจากคำครหา และสิ่งที่ผู้คนต่างครหากันอย่างสนุกปาก ก็คือเรื่องเกี่ยวกับภรรยาและนางสนมของเขาท่านเขานั่นเอง
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเจี้ยนเป่ยอ๋องท่านนี้เป็นชายมากตัณหามิใช่หรือ? เขาท่านทรมาณนางสนมทั้งวันทั้งคืนจนตายกันไปเก้าคนหลังจากที่แต่งงานกับพวกนาง นี่ถ้าแม่นางซูแต่งงานกับเขาท่านล่ะก็ นางคงจะต้อง...”
ชาวบ้านรีบปิดปากชายนอกเมืองก่อนที่เขาจะพูดจบ “วะ! ไอ้นี่! อยากตายหรือไง? เจ้าจะหัวขาดเพราะปากดีนี่แหละ!”
ทุกคนต่างรู้ดีถึงความอำมหิตของเจี้ยนเป่ยอ๋อง แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเปิดปากออกมา! ชายคนนั้นรีบหุบปาก แล้วได้แต่มองดูเกี้ยวเจ้าสาวที่กำลังผ่านไป ในฐานะผู้ผ่านทางคนหนึ่ง เขารู้สึกเสียใจแทนแม่นางซูที่จะต้องมามีชีวิตแต่งงานอันน่าโศกเศร้า
แต่ ณ เวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในเกี้ยวนั้นหาใช่แม่นางเจ้าสาวตระกูลซูไม่ ซูโมใส่ชุดเจ้าสาวและปิดหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมสีแดง เขานั่งผายอกอยู่ในเกี้ยว แต่มืออันเรียวยาวของเขานั้นกำลังสั่น เขารู้สึกได้ว่าเขากำลังสั่นไปทั่วทั้งร่าง
ซูโมมิใช่ลูกสาวแห่งตระกูลซู เขาเป็นเพียงแค่คนใช้แห่งตระกูลซูผู้ที่พูดไม่เป็นเท่านั้น
และเขาก็มิได้เป็นสาวเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นชายหนุ่ม
เหตุผลที่เขาได้มานั่งเกี้ยวแต่งงานในวันนี้ก็เพราะทำเพื่อแม่
ซูโมโตขึ้นมาในบ้านตระกูลซูตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเขาเป็นเด็กไม่มีชื่อ แต่เพราะเขาพูดไม่ได้ เหล่าคนใช้เลยตั้งฉายาให้เขาว่า “ไอ้เงียบ”
เขาเป็นหนุ่มหล่อที่ดูประดิดประดอยอ่อนช้อยมากกว่าบุรุษทั่วไป ทั้งยังอ่อนโยนและงดงามมากกว่าสตรีเสียอีก ตอนเป็นเด็ก ยังไม่มีใครคิดว่าเขานั้นวิเศษวิโสอะไรเพราะโครงหน้ายังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อเขาแตกเนื้อหนุ่มตอนอายุได้สิบสองสิบสามปี คนใช้ทั้งคฤหาสน์จวนก็ต่างอยากจะได้เขามาครองใจ
ครั้งหนึ่ง มีกลุ่มคนใช้มาขอให้เขาถอดเสื้อผ้าให้ดู ผู้ชายด้วยกัน จะอายทำไม? พวกเขาอ้างเช่นนั้น แต่ซูโมไม่ยอมจนเกือบจะโดนรุมซ้อมเสียให้ แต่โชคดีที่ท่านแม่เข้ามาปกป้องลูกชายของตนไว้อย่างสุดชีวิต
ไม่นานต่อมา ก็มีทหารยามสองคนเข้ามาตามจีบซูโม ร่างยกายของพวกเขาสูงใหญ่กำยำ ต่างจากพวกคนใช้ที่แค่ต้องการจับเขาแก้ผ้าเท่านั้น ทั้งสองนายต่างหิวโหยอยากจะลิ้มลองร่างกายเรือนร่างของชายหนุ่มและต้องการจะจับจองซูโมไว้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว จนถึงขั้นต่อยตีเพื่อแย่งชิงเขากันเลยทีเดียว สุดท้ายเรื่องก็ลอยไปถึงหูท่านเจ้าเมืองผู้พิพากษาแห่งนครฉางอัน เขาตัดสินโทษให้โบยแม่ของซูโมห้าสิบไม้ และดุว่านางข้อหาคลอดลูกผู้เป็นที่เย้ายวนใจคนมากขนาดนี้ออกมา แค่ยั่วสตรียังไม่พอ แม้บุรุษเขาก็ไม่เว้น
ซูโมคับแค้นใจต่ออยุติธรรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ท่านเจ้าเมืองผู้พิพากษากลับมาโทษเขา มิหนำซ้ำยังพาลไปลงโทษท่านแม่ของเขาอีกด้วย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจึงถูกกักบริเวณไว้ในสวนและท่านแม่ก็ไม่ยอมให้เขาออกไป
ข้างนอก
จนเมื่อครึ่งเดือนก่อน เจี้ยนเป่ยอ๋องส่งคนมาสู่ขอลูกสาวตระกูลซู แต่ฝ่ายตระกูลซูไม่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักต้องตกเป็นเหยื่อรายที่สิบของเจี้ยนเป่ยอ๋อง เหตุนั้นเอง พวกเขาจึงหันความสนใจกลับมาที่ซูโม ผู้ที่ทั้งชายและหญิงต่างหลงเสน่ห์จนหัวปักหัวปำมาตั้งแต่ยังเด็ก
ท่านเจ้าเมืองผู้พิพากษาจึงให้ปล่อยตัวซูโมออกมาจากสวน แล้วสั่งให้พี่เลี้ยงสอนวิธีซ่อนความเป็นชายและวิชาเพลงรักบนเตียงให้กับเขา ตระกูลซูตั้งชื่อให้เขาว่าซูโม
ซูโมไม่เห็นชอบด้วยกับแผนการนี้เลย แต่ตระกูลซูสัญญาว่าจะดูแลแม่ของเขาเป็นอย่างดีหลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว ซูโมนึกถึงอดีตที่ท่านแม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเขา หากเขาปกป้องท่านแม่ได้ก็คงจะดีไม่น้อย คิดได้เช่นนั่น เขาจึงขึ้นนั่งเกี้ยว
เขารู้ว่านี่เหมือนกับการไปเกี้ยวพาราสีกับความตายมากเสียกว่าที่จะเป็นการแต่งงาน แต่เขาไม่มีทางเลือก ตราบใดที่ท่านแม่ปลอดภัย เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น แม้แต่ความตาย
เกี้ยวแต่งงานลอดผ่านซุ้มประตูคจวนเจี้ยนเป่ยอ๋องฤหาสน์ของเจิ้นเป่ยอ๋องและมีคนออกมาพาเจ้าสาวไปยังห้องเจ้าบ่าว ไม่นาน เขาก็รู้สึกได้ว่าประตูถูกผลักเปิดออกมาและมีคนผู้หนึ่งตรงมาหาเขา
ซูโมสั่นคลอนไปด้วยความกลัวจากสัญชาตญาณที่เขาไม่อาจควบคุมได้
ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา แผ่รัศมีอันแข็งแกร่งแรงกล้าเกินที่กว่าจะต้านทาน ซูโมรู้ได้ทันที ว่าชายตรงหน้านี้คือ จ่านฮั่นเฉิ๋ง เจี้ยนเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อ