ในปีนี้ เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่สุดท้าย เขาก็ถูกผลักลงจากตึกสูงและกลายเป็นคนพิการ ในปีนี้ เขาใช้หยกโบราณที่พ่อของเขาตกทอดเพื่อเดินทางไปยังโลกแห่งการบ่มเพาะพลังอมตะ กลายเป็นจักรพรรดิอมตะ เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน และราชาก็กลับมา สามพันปีผ่านไปในโลกแห่งการบ่มเพาะอมตะ แต่เวลาผ่านไปเพียงสามเดือนบนโลก ผู้ที่กลับมาเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์จะเขียนทุกอย่างใหม่
"พรึ่บ..."
ในตรอกมืดแห่งหนึ่งในเมืองเฮย์ดอน
ลำแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นในทันใด
ชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวในแสงสีขาว
เขาอยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น ทั้งตัวมอมแมมราวกับเพิ่งปีนออกมาจากปล่องไฟ
"ฮู้ว์... ในที่สุดฉันก็กลับมาแล้ว!"
เขามองไปที่หยกอสรพิษมังกรในมือซ้าย อารมณ์ในดวงตาฉายแววซับซ้อน
……
หลายปีก่อน คาลวิน ออสตินค้นพบว่าหยกโบราณที่ได้รับตกทอดจากบิดาสามารถนำเขาเข้าสู่โลกเซียนอมตะได้
อย่างไรก็ตาม โลกเซียนอมตะไม่ใช่ดินแดนมหัศจรรย์อย่างที่เขาคิดฝันไว้
แต่มันเต็มไปด้วยภยันตราย
คาลวินซึ่งเป็นคนสมัยใหม่แทบไม่มีโอกาสอยู่รอดที่นั่น
ด้วยเหตุนี้ ตลอดมาเขาจึงไม่แตะต้องหยกนั้น
จนกระทั่งในช่วงมัธยมปลายปีสาม… ขณะที่หวนนึกถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น จู่ ๆ ดวงตาของคาลวินสาดประกายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะปลาสนาการไปทันที
ตอนนั้นเขาตกหลุมรักโจวาน่า แคลนซีย์ สาวสวยประจำโรงเรียน
โจวาน่าเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลแคลนซีย์ ตระกูลผู้มั่งคั่งในเมืองเฮย์ดอน
ทว่าโจวาน่าปฏิเสธคำสารภาพรักของเขา และบรูซ แคลนซีย์ พี่ชายของโจวาน่าผลักคาลวินตกจากชั้นสามของอาคารเรียน
เขาตกลงมาจนกลายเป็นอัมพาตครึ่งล่าง
นับตั้งแต่วันนั้น คาลวินก็ตระหนักในที่สุดว่าเขาเป็นเหมือนมดที่อ่อนแอในเมืองที่เหลื่อมล้ำและเย็นชาแห่งนี้
พี่น้องตระกูลแคลนซีย์เห็นเขาเป็นเพียงขยะ
หลังจากคืนนั้นคาลวินก็หายตัวไปจากโรงพยาบาล
ใคร ๆ พากันคิดว่าเขาหนีไปเพราะทนรับแรงกดดันไม่ไหว
บางส่วนคิดว่าเขาไปฆ่าตัวตายที่ไหนสักแห่ง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่โลกเซียนอมตะ
คาลวินอยู่ในโลกแห่งนั้นเป็นเวลาสามพันปี
ในช่วงเวลานั้น เขาทำหน้าที่เป็นเครื่องมือบ่มเพาะพลังให้กับสตรีพรหมจรรย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าผู้ประเสริฐ
นอกจากนี้เขายังเคยเป็นผู้รับใช้ขององค์ชายแห่งราชสำนักอมตะ
อีกทั้งหัวหน้าปีศาจพาเขาไปเติมเต็มเนตรแห่งอาร์เร ...
แม้จะเติบโตมาแบบคนธรรมดา แต่ท้ายที่สุดเขาก็เอาชนะกฎธรรมชาติได้
ในเวลาเพียงสามพันปีเขาได้กลายเป็นจักรพรรดิอมตะลำดับที่เก้าของโลกเซียนอมตะ
แต่พร้อมกันนั้นเขาก็สร้างศัตรูจำนวนมากเกินไป
แม้จะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะ แต่คาลวินกลับถูกจักรพรรดิอมตะทั้งแปดไล่ล่าและถูกเนรเทศออกมา
ท้ายที่สุดเขาต้องกลับสู่โลกมนุษย์โดยความช่วยเหลือของหยกอสรพิษมังกร
"ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือของจักรพรรดิอมตะทั้งแปด! ตอนนี้พลังของฉันยังไม่ถึงขั้นก่อตั้งพื้นฐานด้วยซ้ำ ฉันควรซ่อนตัวอยู่บนโลกไปก่อน หลังจากฟื้นฟูพลังแล้วค่อยกลับไปทวงคืนความอัปยศที่โลกเซียนอมตะ” คาลวินคิด
เขามองไปยังตึกสูงเสียดฟ้าโดยรอบอย่างตรึกตรอง
“ได้เวลายุติความแค้นเก่า!”
"กรี๊ด..."
คาลวินได้ยินเสียงกรีดร้องขณะเพิ่งเดินออกมาจากตรอก
เขามองหาต้นเสียงและเห็นรถแลนด์โรเวอร์สีแดงจอดที่อยู่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต
มีควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาจากรถ และรถทั้งคันกำลังไฟลุกโหม
คาลวินขมวดคิ้ว ด้วยพลังของเขา เขาสามารถมองทะลุควันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถได้อย่างง่ายดาย
เขาเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดผ้าชีฟองสีชมพูนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร
เธออายุเพียงสามสี่ขวบ
เด็กหญิงดูเหมือนตุ๊กตาที่งดงามบอบบาง
ร่างเล็กของเธอถูกเข็มขัดนิรภัยรัดแน่น
ถึงตอนนี้เธอเริ่มมึนงงเพราะควัน
"อลิซ ๆ! ลูกแม่! ปล่อยฉันนะ!"
รอบ ๆ รถเริ่มมีกลุ่มคนมามุงดู
ผู้หญิงคนหนึ่งร้องตะโกน นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หญิงสาวดูจะอยู่ในวัยยี่สิบปลาย ๆ
เธอสูงประมาณ 168 เซนติเมตร
ขาของเธอเรียวยาว ขาวผุดผ่อง ไม่ต่างกับซุปเปอร์โมเดล
ในถุงน่องผ้าไหมโปร่งที่เข้าคู่อย่างลงตัวกับรองเท้าสีขาวส้นสูงสามนิ้วส่งให้เธอดูเซ็กซี่อย่างมาก
เดรสสีเทาอ่อนที่เธอใส่เป็นชุดสั่งตัดโดยแบรนด์ระดับท็อปจากบริษัทในยุโรป
ชุดนั้นเข้ากับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธออย่างเหมาะเจาะ
ใต้คอเสื้อต่ำเผยให้เห็นเนินอกขาวรำไร
ช่างดึงดูดสายตา
เธอมีเรือนผมยาวสีน้ำตาลหยักศก
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักของเธอทั้งบอบบางและน่าดึงดูด
คาลวินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงามของเธออยู่ชั่วครู่
เธอวิ่งถลาเข้าไปหารถที่มีไฟกำลังลุกโหมด้วยน้ำตานองหน้า
“คุณคาร์เตอร์ ใจเย็น ๆ ค่ะ!”
ข้างกายสาวสวยมีผู้หญิงสวมแว่นตาคนหนึ่งยืนอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเลขา
เลขานุการยึดแขนเธอของเธอไว้แน่น
สาวงามผู้นี้คือ เม็กกี้ คาร์เตอร์
เธอเป็นประธานของทิวลิปคอร์ปซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในเมืองเฮย์ดอน
วันนี้เธอกำลังจะพาอลิซ คาร์เตอร์ ลูกสาวของเธอไปเที่ยวสวนสนุก
แต่โดยไม่คาดคิด หลังจากไปเข้าห้องน้ำในห้างสรรพสินค้ากับเลขา เมื่อกลับมาเธอก็พบว่ารถกำลังลุกไหม้
และลูกสาวของเธอติดอยู่ในรถ
เธอไม่สามารถมีลูกได้เนื่องจากมีปัญหาทางจิต ลูกสาวบุญธรรมจึงเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเธอเพียงสิ่งเดียว
เธอไม่กล้าคิดว่าจะเป็นอย่างไรถ้าต้องเสียลูกไป
"ช่วยด้วยค่ะ! ใครที่ช่วยลูกสาวของฉันได้ ฉันยินดีจ่ายไม่อั้น"
ในเวลานี้เม็กกี้ไม่ใช่นักธุรกิจหญิงที่เย็นชาอีกต่อไป
เธอมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยสายตาวิงวอน
เมื่อเห็นหญิงสาวสวยท่าทางบอบบางและน่าเวทนา ผู้ชายหลายคนอยากจะยื่นมือเข้ามาช่วย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่รถที่กำลังลุกไหม้ ทุกคนต่างหยุด
"คุณครับ ไฟกำลังโหมแรง! มันร้อนมากจนประตูบิดเบี้ยวผิดรูปเปิดไม่ออก และถังน้ำมันก็อาจระเบิดได้ทุกเมื่อ! ตอนนี้อันตรายเกินไปที่จะเข้าไปช่วย! รอให้รถดับเพลิงมาจะดีกว่า”
ผู้คนที่มุงดูพากันส่ายหัวและมองอย่างนิ่งเฉย
ความหวังของเม็กกี้ริบหรี่ลงทุกที
ถ้ามัวรอรถดับเพลิง ลูกสาวของเธอซึ่งอยู่ในรถคงตายก่อน
ถ้าเธอต้องทนดูลูกสาวถูกไฟคลอกตายไปต่อหน้าต่อตา เธอคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้
ทันใดนั้นเธอเห็นร่างผอม ๆ เดินผ่านเธอตรงไปที่รถซึ่งกำลังลุกไหม้
เม็กกี้ชะงักไปเล็กน้อย และแล้วเธอก็ตระหนักด้วยความลิงโลดว่าในที่สุดมีคนเต็มใจช่วยลูกสาวของเธอ
อย่างไรก็ตามไฟโหมรุนแรงขึ้นทุกขณะจนดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถช่วยลูกสาวของเธอด้วยตัวคนเดียว
คาลวินมองเด็กหญิงในรถ
ในโลกเซียนอมตะ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นจักรพรรดิอมตะที่รอดชีวิตจากความยากลำบากแสนสาหัสมาได้
เขาผ่านการทรมานมามากและในที่สุดก็กลายเป็นอยู่ยงคงกระพัน
เขาเข่นฆ่าอย่างเด็ดขาดเสมอ
แต่เขายังจำได้ถึงตอนที่เขาเป็นคนไร้ความสำคัญในอดีต
ในใจของเขายังคงมีความสงสารต่อผู้อ่อนแอ
ในเวลานี้เขาเห็นว่าเด็กคนหนึ่งกำลังจะถูกไฟคลอกจนตาย
เขาไม่สามารถเพิกเฉยเธอได้เลย
"อันตราย!"
"อย่าไป!"
หลายคนพยายามห้ามเขา
อย่างไรก็ตาม คาลวินไม่สนใจฟัง
ความแข็งแกร่งของเขาในขณะนี้ไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งตามปกติ
แต่แค่อุณหภูมิสูงไม่เป็นอันตรายต่อเขา
เขาเปิดประตูรถที่บิดเบี้ยวออกได้อย่างง่ายดาย
คาลวินใช้พลังปราณแท้จริงของเขาปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กและพาเธอออกจากรถ
เม็กกี้เห็นคาลวินพาลูกสาวของเธอออกมาจากควันหนาทึบ
เธอไม่อยากจะเชื่อเมื่อแรกเห็น
แต่แล้วดวงตาของเธอก็เปล่งประกายปีติยินดี
เธอรีบวิ่งออกไปรับร่างลูกสาวของเธอจากมือของคาลวิน จากนั้นกอดเด็กหญิงไว้แน่นราวกับสมบัติล้ำค่า
ขณะนั้นเด็กหญิงตัวน้อยแทบไม่มีสติ
หลังจากที่คาลวินถ่ายพลังปราณแท้จริงเข้าไปในร่างกายของเธอ เธอก็กลับมาแจ่มใสเป็นปกติ
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เด็กหญิงตัวเล็กกระพริบตาแล้วหันไปหาเม็กกี้
เธอเรียกอย่างอ่อนหวาน "คุณแม่"