About
Table of Contents
Comments

  “อโหสิกรรมให้คนใจบาปอย่าง พะ…พี่ ด้วย นะ”

  นี่คือประโยคที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของดารัน

  เพราะนี่คือประโยคสุดท้ายที่พี่สาวได้เอ่ยกับเธอก่อนจะสิ้นลมหายใจ

  เจ็ดวันหลังจากนั้น ภาพตรงหน้าที่เห็นคือการจากลากันอย่างสมบูรณ์ ควันสีเทาจางๆ ลอยออกมาจากปล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงที่ถูกสร้างไว้เหนือฌาปณสถานหรือเมรุ ควันที่เกิดขึ้นจากการเผาร่างอันไร้ซึ่งวิญญาณให้กลายเป็นเถ้าธุลี

  ดารันยืนมองควันนั้นกระทั่งมันค่อยๆ ลดน้อยลง เมื่อหลายนาทีก่อนเธอได้ขึ้นไปยืนส่งดารินพี่สาวบนเมรุ ใบหน้าพี่สาวเธอเหมือนคนกำลังนอนหลับสนิทเท่านั้นเอง

  จากนั้นดารันก็ละสายตาไปมองชายร่างสูงที่คุ้นตาเป็นอย่างดี เขายังคงยืนอยู่ข้างบนพร้อมกับกอดรูปถ่ายของร่างที่กำลังถูกเผาไว้แนบอก เขาคนนั้นคือพี่เขยของเธอ เห็นแล้วก็หวนคิดถึงพี่สาวขึ้นมาอีกจนได้

  “รับปากพี่สิหนูเอย รับปากพี่” มือเรียวแต่ทว่าขาวซีดและเต็มไปด้วยสายระโยงระยางของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้กุมมือของเธอไว้ด้วยแรงที่พอจะมี พร้อมทั้งคะยั้นคะยอให้เธอรับปากในสิ่งที่ร้องขอ

  “พี่หนูเอิง หนูเอย…”

  “รับ ปาก พี่ ไม่อย่างนั้น พี่ คง ตาย ตาไม่ หลับ” น้ำเสียงฟังดูกระท่อนกระแท่น นั่นเพราะคนพูดเริ่มหายใจไม่เต็มปอด

  “พี่หนูเอิง นอนพักก่อนนะคะ หายใจลึกๆ”

  “รับปากพี่มาก่อน ถ้าหนูเอยยังไม่รับปาก ตายเป็นผีไปพี่จะตามมาหักคอ พี่จะไม่ยอมไปผุดไปเกิด” ได้ยินประโยคนี้เข้าไปมีหรือคนฟังจะใจแข็งได้อีก

  “หนูเอยรับปากค่ะ รับปากแล้ว”

  “ขอบใจมากหนูเอย พี่ขอบใจมาก” เมื่อรู้ว่าดารันรับปากในเรื่องที่ขอไป สีหน้าของดารินก็คล้ายจะหมดความกังวล เธอนอนยิ้มน้อยๆ พร้อมกับสูดอากาศเฮือกสุดท้ายเข้าปอด

  “พี่หนูเอิง ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”

  “นี่มันคงเป็นบาปที่พี่ได้ทำ บาปที่แย่งของรักของน้องสาวไป แม้จะได้แต่งงานได้ชื่อว่าเป็นเมียพี่เขา แต่มันก็แค่ชั่วอึดใจเท่านั้น พี่ขอโทษนะหนูเอย” น้ำตาของดารินไหลออกทางหางตา นั่นเพราะยิ่งเห็นน้องสาวเธอก็ยิ่งเสียใจที่ทำเรื่องทุเรศๆ แบบนั้นลงไป

  “ไม่ค่ะ หนูเอยไม่เคยโกรธพี่เอิงเลย”

  “อโหสิกรรมให้คนใจบาปอย่าง พะ…พี่ ด้วย นะ”

  ตื๊ดดด

  ตื๊ดดดดดดด

  ตื๊ดดดดดดดดดดดด

  เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังขึ้นยาวบ่งบอกว่าคนบนเตียงไร้ซึ่งสัญญาณการมีชีวิตใดๆ ให้ตรวจจับได้อีกต่อไปแล้ว

  “พี่หนูเอิง...พี่หนูเอิง หมอคะ หมอช่วยพี่สาวหนูด้วยค่ะ” ดารันพยายามเอ่ยเรียกพี่สาว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เธอจึงตะโกนเรียกหมอ

  และทันทีที่หมอเข้ามาก็มีการปั๊มหัวใจอยู่หลายครั้ง แต่ทว่า…พี่สาวของเธอกลับไม่ฟื้น

  “เฮ้อ! ไม่น่าไปรับปากแบบนั้นเลยเรา” ดารันเอ่ยกับตัวเอง นั่นเพราะสิ่งที่รับปากพี่สาวไปมันยากเกินที่เธอจะทำได้สำเร็จจริงๆ แต่ถ้าไม่ทำก็กลัววิญญาณพี่จะไม่สงบสุข

  ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ดารันเองก็แทบไม่ได้หันไปมองใคร มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาคนนั้นคือพี่เขยของเธอเอง…โฮม

  ผู้ชายที่เพิ่งสูญเสียภรรยาหลังจากแต่งงานกันได้แค่ปีเศษๆ

  แต่เธอกลับสูญเสียทั้งพี่สาวและรักแรก!

  หลังเสร็จสิ้นงานศพของดาริน การจากลาครั้งนี้มาพร้อมกับความเสียใจ นั่นเพราะมันกะทันหันไม่มีใครตั้งรับได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นโฮมก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป รวมถึงดารันเองก็ด้วย เธอบินกลับมาเมืองไทยทันทีที่รู้ว่าพี่สาวล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะที่สี่ ซึ่งมันไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ เธอกลับมาทันได้ฟังพี่สาวเอ่ยสั่งเสียและขอโทษ รวมทั้งถูกมัดมือชกให้เธอทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยเช่นกัน

  “เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน” ดารันปลุกใจตัวเอง นั่นเพราะเวลานี้เธอตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปอังกฤษอีก แม้ที่นั่นจะมีงานดีๆ รออยู่ก็ตาม ขอกลับมาอยู่เมืองไทยได้ดูแลพ่อกับแม่ที่แก่ลงไปทุกวันดีกว่า นี่ก็ชวนให้ท่านย้ายมาอยู่ด้วยกัน สองตายายก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกชอบบ้านสวนไม่ชอบอยู่ในกรุง เธอจะทำอะไรได้นอกจากยอม

  และอีกหนึ่งเหตุผลคือกลับมาอยู่ใกล้หัวใจอีกครึ่งดวงที่เธอฝากไว้ที่นี่ ดารันย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังที่เคยอยู่ ที่บอกว่าเคยอยู่นั่นเพราะตั้งแต่รู้ความจริงว่าพี่สาวเธอมีใจให้หนุ่มข้างบ้านชื่อว่าโฮม ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ทีหลังเธอประมาณสองเดือน ดารันก็เกิดอาการอกหักดังเปาะ

  จะว่าไปนั่นคือเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เธอตัดสินใจเรื่องไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เพราะจากที่ลังเลจะไปหรือไม่ไปก็ตัดสินใจฉับ ยื่นเรื่องยื่นเอกสารและขอบินด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปากบอกใครต่อใครว่าเธอจะไปเรียนต่อ ส่งยิ้มให้คนถาม แต่ในใจนั้นกลับทุกข์ระทม เพราะรู้ว่าตัวเองจะหนีไปเลียแผลใจ เพียงแต่ยกเรื่องเรียนต่อมาเป็นข้ออ้างให้มันดูสวยหรูเท่านั้น

  ความจริงแล้วเธอนั้นไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะอยู่มองเห็นภาพที่มันบาดตาบาดใจจนทำให้เธอน้ำตาเอ่อบ่อยๆ ได้ ที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากเธอเองก็ชอบโฮมอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ตบตีแย่งชิงผู้ชายกับพี่สาวในสายเลือด เธอก็ทำไม่ลงเช่นกัน จึงขอเป็นฝ่ายไปเอง

  “เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังมาจากดารัน นั่นเพราะความรักของเธอมันช่างน่าหดหู่เสียจริงๆ ทนเห็นพี่สาวกับคนที่แอบชอบรักกันก็เจ็บแล้ว ยิ่งได้รู้ข่าวดีว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกันก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีก อุตส่าห์ตั้งใจจะหนี แต่สุดท้ายกลับต้องอยู่เป็นหนึ่งในสักขีพยานรักของพวกเขาในวันวิวาห์ ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้เธอจะบินอยู่แล้วแท้ๆ

  แม้จะสงสัยว่าทำไมดารินกับโฮมถึงได้แต่งงานกันรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะคบหากันได้แค่เดือนเศษๆ เท่านั้นเอง แต่ดารันก็ไม่อาจเอ่ยถามออกไปได้แต่ยินดีกับทั้งคู่แม้จะยินดีด้วยน้ำตาที่ตกในอยู่ก็ตาม

  ขณะที่นั่งคิดเรื่องนี้ ดารันก็ทอดสายตามองไปยังบ้านหลังข้างๆ ซึ่งเวลานี้กำแพงบ้านที่เคยกั้นถูกทุบออกเพื่อให้บ้านทั้งสองหลังเชื่อมกัน เห็นแล้วก็นึกใจหาย

  เวลาปีเศษๆ ที่เธอไปเรียนต่อมันเท่ากับเวลาที่ดารินกับโฮมนั้นแต่งงานกัน แม้จะอยู่ห่างกันครึ่งค่อนโลก แต่พี่สาวก็หมั่นส่งข่าวสารให้เธอได้รู้เสมอๆ ดีหน่อยที่เธอไม่มีแอคเคาท์อินสตาแกรม ทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊ก เหตุที่ไม่มีเพราะจงใจไม่งั้นพี่สาวคงได้แท็กหาทุกชั่วโมง

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down