เมื่อแพทย์อัจฉริยะสวยโดนฟ้าผ่าตายระหว่างทางกลับบ้าน ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสตรีหน้าตาอัปลักษณ์ด้วยสามีจ้านอ๋องที่เกลียดนางมากและจะแต่งพระชายารองเข้าจวนอ๋อง แล้วชีวิตสุดรันทดของนางจะรอดได้อย่างไร
หนิงอวิ้นหยูวเป็นหญิงอัปลักษณ์
ผู้หญิงที่น่าเกลียดมากเป็นพิเศษเช่นนาง กลับได้แต่งงานกับจ้านอ๋องผู้เป็นชายหนุ่มในฝันของสตรีหลาย ๆ คน ผู้มีนามเต็มว่าซือจ้านเหยียน
เพียงเพราะหนิงเฟิงผู้เป็นบิดาของนาง มีตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีที่มีอำนาจอันกว้างขวาง
ในวันแต่งงาน ผ้าแดงริ้วทอดยาว อาบย้อมทั่วหิมะสีขาวโพลน
ซือจ้านเหยียนเหยียบย่ำบนหิมะสีขาว หยุดยืนตรงหน้าประตูทางเข้า ชุดแต่งงานสีแดงบนตัวเขา ยิ่งขับให้เขาดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น
ทว่าเมื่อเขาเห็นหนิงอวิ้นหยูวลงมาจากเกี้ยวเจ้าสาว ใบหน้าคมคร้ามก็ปรากฏแววรังเกียจอย่างเข้มข้น เขาดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของหนิงอวิ้นหยูวขึ้นอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน เอ่ยพูดถากถางว่า "หน้าเจ้านี่มันน่ารังเกียจชะมัด"
หนิงอวิ้นหยูวก้มหน้าลงอย่างเจียมตัว นัยน์ตาคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำ จากนั้นก็ใช้มือปิดรอยแผลบนหน้าของตนไว้ทันที
ตอนนางอายุสิบขวบ นางถูกวางยาพิษ ยาพิษนั้นเกือบพรากชีวิตของนางไป
ซึ่งหมอหลวงที่ท่านพ่อไปเรียกมา พยายามทุกวิธีทางเพื่อช่วยชีวิตนางไว้
น่าเสียดาย ถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่หน้ากลับเสียโฉมไปแล้ว
ใบหน้าซีกขวาของนางจึงมีรอยแผลเป็นเหมือนตะขาบประทับอยู่บนนั้นไปตลอดชีวิต
และในตอนนี้เอง ซือจ้านเหยียนก็บีบคางของนาง บังคับให้นางสบตากับตนเอง
"เจ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับข้า ตอนนี้คงสมดั่งที่เจ้าหวังแล้ว แต่อีกสามวันข้าจะแต่งหนิงเอ๋อร์เข้าจวน วันนี้เลยอยากจะบอกเจ้าเอาไว้ หากเจ้าอยากอยู่ในจวนอย่างสงบสุขก็จงอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวซะ"
คำพูดของเขา เหมือนหนามแหลมคมทิ่มแทงเข้ามาที่กลางใจของหนิงอวิ้นหยูว
หนิงเอ๋อร์ที่เขาพูดถึงคือหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง นามเต็มมู่หนิงเอ๋อร์ ทั้งยังเป็นคนในใจเขา
สิ้นคำกล่าว ซือจ้านเหยียนก็เดินเข้าไปในจวนโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา การมองหน้าหนิงอวิ้นหยูวนาน ๆ มันทำให้เขารู้สึกขยะแขยงเป็นไหน ๆ
การแต่งงานในครั้งนี้จึงสิ้นสุดพิธีลงแต่เพียงเท่านี้
หนิงอวิ้นหยูวถูกส่งตัวมายังห้องหอ นางนั่งอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เหม่อมองเปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ หรี่ลงใกล้จะดับอยู่รอมร่อ
นางนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับซือจ้านเหยียน ตอนนั้นนางพลัดหลงกับครอบครัว จึงถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งรังแกในตรอกแห่งหนึ่ง นางหดตัวอย่างสั่นกลัวไม่กล้าส่งเสียงร้อง
เมื่อชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของนางก็หยิบก้อนหินขึ้นมาเตรียมทุบใส่หัวนาง แต่ซือจ้านเหยียนปรากฏตัวได้ทันเวลา จึงปกป้องนางจากอันตรายไว้ได้
ตั้งแต่วินาทีนั้น นางก็เฝ้าใฝ่ฝันอยากอยู่เคียงกายชายหนุ่มรูปงามและมีความเป็นสุภาพบุรุษผู้นั้นไปตลอดชีวิต
แค่นึกถึงเรื่องราวในอดีต ไม่ว่าปัจจุบันซือจ้านเหยียนจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางก็ให้อภัยได้โดยไร้ซึ่งเงื่อนไข
ไม่รู้ว่าร่างสูงใหญ่บุกพรวดพราดเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด
หนิงอวิ้นหยูวไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอด
เดิมทีนางก็ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนอยู่แล้ว ยิ่งพอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มนางก็สงบลง
"ซือ…"
คำพูดที่เหลือถูกตัดบทด้วยรสจูบของซือจ้านเหยียน เขาผลักนางลงบนเตียงอย่างป่าเถื่อน โครงหน้าที่มีองค์ประกอบชัดเจนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ต่ำทราม เจ้ากล้าวางยาข้าหรือ!”
“ข้าเปล่า!” หนิงอวิ้นหยูวส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต
ซือจ้านเหยียนไม่ฟังคำอธิบายของนางแม้แต่น้อย ขึ้นคร่อมบนตัวนาง และระบายอารมณ์ใส่ไม่ยั้งราวกับอยากเอาคืน
“เจ็บ…” หนิงอวิ้นหยูวงอตัว ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง นางเจ็บจนเหงื่อซึมออกมา
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าคนบนร่าง คือชายหนุ่มที่นางใฝ่ถวิลหามาตลอดหลายปี นางก็เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและคล้อยตาม
“เจ็บงั้นหรือ?” ใบหน้าของซือจ้านเหยียนเผยรอยยิ้มเยาะออกมา
เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า "เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น! หากไม่ใช่เพราะเจ้าไร้ยางอาย ข้าก็ไม่คิดจะแตะต้องคนอัปลักษณ์เช่นเจ้าแม้แต่นิด!"
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เอาผ้าห่มมาคลุมหน้าหนิงอวิ้นหยูวไว้
แม้นจะมีผ้าห่มผืนหนากางกั้น หนิงอวิ้นหยูวก็ยังรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังขั้นสุดที่เขามีต่อนาง
หนิงอวิ้นหยูวน้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
ไม่ว่าใครต่างก็ชอบของสวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น แม้นนางจะมีหน้าตาน่าเกลียด แต่นางก็ยังจะดึงดัน
การได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้เป็นที่รักก็ไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อบินเข้ากองไฟ นางยอมทิ้งตัวตนและศักดิ์ศรี เพียงต้องการเขาคนเดียว
น่าเสียดายที่ซือจ้านเหยียนไม่เคยเห็นนางในสายตาเลย
นัยน์ตาของนางพร่ามัว ความเจ็บบนร่างกายรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ซือจ้านเหยียนไม่แยแสกับความเจ็บปวดของนาง เขาข่มเหงรังแกนางจนใกล้เคียงคำว่าทารุณ เอ่ยพูดอย่างโหดร้ายว่า "ต่อให้เจ้าวางแผนทำให้ข้าแตะต้องเจ้าได้ ชาตินี้ทั้งชาติข้าก็จะไม่มีวันหลงรักผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า อีกสามวัน หนิงเอ๋อร์จะแต่งเข้าจวน นางจะมีสถานะไม่ต่างกันกับเจ้า และอาจจะมีเกียรติมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ "
เขาจงใจเน้นคำว่า มีเกียรติ เพื่อเน้นย้ำหนิงอวิ้นหยูวอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะได้เป็นหวางเฟยของเขา แต่ก็ยังไม่ได้ใจเขาอยู่ดี
กล่าวจบ เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่พอจึงพูดเสริมว่า
“นางต่างหากคือหวางเฟยหนึ่งเดียวในใจข้า ส่วนเจ้า แม้แต่โสเภณีข้างทางก็เทียบไม่ติด"
"ข้า..." หนิงอวิ้นหยูวพูดออกมาได้ไม่ทันไร ก็ถูกตัดบทด้วยการเคลื่อนไหวที่โหมกระพรือ
จนนางหมดสติไป
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นเวลารุ่งสาง หนิงอวิ้นหยูวรู้สึกเจ็บเหมือนช่วงล่างฉีกขาด
นางพยายามลุกขึ้น เมื่อเห็นคราบเลือด และร่องรอยความชั่วร้ายเต็มห้อง ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดของซือจ้านเหยียนเมื่อคืน
"ส่วนเจ้า แม้แต่โสเภณีข้างทางก็เทียบไม่ติด"
ความรู้สึกรักที่มีมาตลอดสิบปีพลันพังทลายลงในชั่ววินาทีนี้
นางเอนตัวพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง แสงแดดยามเช้ากระทบลงบนม่านคลุมเตียง สีแดงสดของมันช่างเหมือนกับสีเลือดของนาง
ม่านคลุมเตียงผืนยาวถูกดึงลงมา แล้วนำมาผูกกับคานไม้
หนิงอวิ้นหยูวยืนอยู่ใต้ม่านคลุมเตียงด้วยแววตาด้านชา จากนั้นก็ลงมือผูกเงื่อนบนผ้า
นางหลับตาลงช้า ๆ กล้ำกลืนความข่มขื่นที่ติดอยู่ในลำคอลงไป
สายลมในวันนี้นำพามาซึ่งความเยือกเย็นกัดกินถึงข้างใน
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนว่า “เจ้าข้าเอ้ย! หวางเฟยฆ่าตัวตาย!”