แพทย์หญิงทหารประจำการอยู่ชายแดน ระหว่างปฏิบัตัติงานช่วยเหลือคนไข้จนเสียชีวิต วิญญาณทุะลิมิติมาอยู่ในร่างท่านหญิงสี่แห่งแคว้นลู่ ไหนยังต้องพบเจอเด็กน้อยเช่นเขาอีก! “เจ้าจิ้งจอกอัปลักษณ์ จะกลับแล้วรึ?” เสียงนั้น! เป็นเสียงขององค์ชายสามเว่ยหลงอัน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเว่ย ทำเอาเว่ยหลงเจี๋ยเด็กน้อยผู้นี้ทั้งอายและโกรธเคืองอย่างมาก ที่ชายหนุ่มนั้นพูดจาล่อเลียนใบหน้าของเขาเสียงดังต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ “เหตุใดเจ้าต้องคอยกล่าวล้อเลียนข้าเช่นนี้ด้วย ข้าไปทำอะไรให้กับเจ้า? เจ้าถึงได้กล่าวล้อเลียนข้าไม่หยุด?” “ก็เจ้ามันอัปลักษณ์จริง ๆ นี้ อีกทั้งสมองพิการปัญญาอ่อนอีก ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่ทนมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อให้ราชวงศ์เว่ยอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้หรอกนะ! ข้าจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหฆ่าตัวตายยังจะดีเสียกว่า 555” เว่ยหลงเจี๋ยได้ยินเช่นนั้น เขาก็ร้องไห้ออกมา “ฮื้อ.....ทำไมพวกเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้! รังแกได้แม้กระทั้งเด็กอย่างข้า ข้าจะฟ้องเสด็จพ่อให้ลงโทษพวกเจ้า” “เจ้าคิดว่าเสด็จปู่จะเชื่อเจ้าหรือข้ามากกว่ากัน? ระหว่างข้าที่เป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเว่ยกับเจ้าแค่อ๋องสมองพิการปัญญาอ่อน เจ้าคิดว่าท่านปู่จะฟังใคร?” ทำเอาเว่ยหลงเจี๋ยร้องไห้เสียงดังหนักเข้าไปใหญ่ ฟานอวี้ที่เห็นฉากนี้ นางทนไม่ได้เลยรีบเข้ามาปลอบ “โอ......เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลยเด็กน้อย ก็แค่เสียงหมาเห่าหอนเท่านั้น เจ้าอย่าตกใจไป มามาพี่สาวคนนี้จะปลอบโยนเจ้า” “บังอาจ ต่อหน้าองค์รัชทายาท เจ้ากล้าเสียมารยาทเช่นนี้ได้เยี่ยงไร! เจ้าไม่กลัวถูกตัดหัวรึ?” #นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น สถานที่ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ความรู้เกี่ยวกับวิชาแพทย์และการรักษาเป็นเรื่องสมมุติขึ้นมาเท่านั้น!!! โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ตุ้ม!!!! เสียงระเบิดจากการปะทะกับกองกำลังผู้ก่อการร้ายระดับชาติ ทำให้แพทย์หญิงทหารฟานอวี้ถูกลูกหลงจากแรงระเบิด เนื่องจากกำลังช่วยปฐมพยาบาลนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลยทำให้นางเสียชีวิตคาที่ ภาพทุกอย่างก็ดับไป "จบแล้วชีวิตฉัน!!!
คนสวยเพลียจิต
ฉันเพิ่งจะอายุครบ 30 ปี เองนะ สามีก็ยังไม่มี
“เฮ้อ! กรรมกรุจริง ๆ”
เพื่อน ๆ ของเธอที่ไม่สามารถเข้ามาช่วยเธอออกจากแรงระเบิดครั้งนี้ได้ อึ้งกันหมดทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะหย่วนซี พยาบาลสาวเพื่อนสนิทของเธอที่โตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แทบช็อกและร้องไห้เสียใจอย่างมาก
ทว่าการเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในกรมทหารและยังเป็นกรมทหารหน่วยรบพิเศษอีกด้วย ในอาชีพนี้เห็นความเป็นความตายมานักต่อนัก เลยทำให้หย่วนซี และเพื่อน ๆ ของเธอมีสติกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และยังคิดอีกว่าก็คงจะมีสักวันที่เป็นวันของพวกเราที่ต้องตายเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเหมือนอย่างเพื่อนของเธอ
ณ แคว้นลู่
“ท่านหญิงๆๆๆ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงหลับไปหลายชั่วยามแล้ว มาทานยาก่อนนะเจ้าค่ะ ไข้จะได้ลดลง”
เสียงใส ๆ แจ๋ว ๆๆ ของสาวใช้คนสนิทข้างกาย ลู่ชิงอวี้ ท่านหญิงสี่แห่งแคว้นลู่ ที่เกิดจากแม่ทัพลู่อวี้ พระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
ไม่รับยศชินอ๋อง
และฮูหยินลู่หลิน พระมารดาเชื้อสายแคว้นเหลียง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกันตอนที่ท่านแม่ทัพลู่อวี้ได้เดินทางพาพี่ชาย
ฮ่องเต้ปัจจุบัน
ลู่จิ่งอวี้ ไปรักษาอาการบาดเจ็บจากการโดนวางยาพิษของศัตรูในราชสำนัก
โดยน้องสาวของเหมยหลิน
ชื่อเดิมฮูหยินลู่หลิน
เป็นผู้รักษา ทั้งสองได้เจอกันในตอนนั้น ฮูหยินลู่หลินอายุเพียง 16 ปี ส่วนท่านแม่ทัพลู่อวี้อายุได้เพียง 18 ปี เท่านั้น ทั้งสองแต่งงานกันจนบัดนี้มีลูกด้วยกัน 4 คน ได้แก่ ลู่เหวินอวี้ แฝดพี่ท่านชายใหญ่ ลู่หยางอวี้ แฝดน้องท่านชายรอง ลู่เทียนอวี้ ท่านชายสาม และลู่ชิงอวี้ ท่านหญิงสี่
ฟานอวี้งุนงงกับเสียงนี้ “นี้ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ไงว่ะเนี้ย!!!”
สักพักความทรงจำบางอย่างของร่างเดิมก็กลับเข้ามาในหัวของฟานอวี้ “ตายแล้ว!!! นี้เราข้ามภพมาหรอนี้ ในประวัติศาสตร์ไม่มีประเทศเหล่านี้นะ หรือจะมีอีกโลกหนึ่งว่ะเนี้ย!!! เฮ้อกรรมกรุจริงๆๆๆๆ"
ฟานอวี้ในร่างลู่ชิงอวี้ที่กำลังบ่นกับชีวิตของตัวเองทำให้ เฟ่ยเฟ่ย สาวใช้คนสนิทถึงกลับไปไม่ถูกกับคำพูดแปลก ๆ ของท่านหญิง “ท่านหญิง บ่าวว่าเดี๋ยวบ่าวไปตามท่านชายท่านพี่ ๆ ของท่านมาก่อนนะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เธอมานี้หน่อย ไม่สิ!!! เจ้ามานี้ทีข้ามีเรื่องจะถามเจ้าก่อน ส่วนอาการไข้ของข้า เจ้าไม่ต้องห่วงตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
“เอ่อ....คือว่า ข้าอายุเท่าไหร่แล้วนะ?”
“ท่านหญิง!!!!เฟ่ยเฟ่ย ตกใจกับคำถามนี้”
“เจ้าอย่าตกใจและอย่าเพิ่งบอกใคร ข้าความจำเสื่อมแค่เล็กน้อย สาเหตุอาจจะเป็นเพราะป่วยบ่อยเกินไป ข้าไม่อยากทำให้ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ต้องกังวล เจ้าช่วยบอกข้าทีได้หรือไม่?”
เฟ่ยเฟ่ยเพลียจิต “เฮ้อ!!!”
“ท่านหญิงอายุ 13 หนาวแล้วเจ้าค่ะ อีกไม่กี่ปีท่านก็จะปักปิ่นแล้ว”
“แล้วข้าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน หมายถึงหน้าที่ท่านหญิงอย่างข้าไง?”
เฮ้อ! เฟ่ยเฟ่ยกุมขมับ “ท่านไม่ต้องทำอะไรมากมายเฉกเช่นท่านพี่ ๆ ของท่านหรอกเจ้าค่ะ ส่วนหน้าที่ของท่านก็ไม่มีอะไรมาก เพราะร่างกายของท่านอ่อนแอป่วยบ่อย ท่านแม่ทัพและฮูหยินไม่อยากให้ท่านทำอะไรมากจนล้มป่วยเอาได้เจ้าค่ะ ท่านเที่ยวเล่นได้ตามใจท่าน อยู่แต่ในจวนก็พอแล้วเจ้าค่ะ หากท่านเบื่อก็หาอะไรทำอย่างเช่น เย็บปักถักร้อย เล่นเครื่องดนตรี หรือเขียนหนังสือแต่งกลอน ก็ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อฟานอวี้ได้ฟังสิ่งที่สาวใช้ข้างกายบอก อยากจะเป็นลม!!! “เจ้าช่วยไปเชิญท่านพ่อท่านแม่ และพวกพี่ ๆ มาทีเถิด!”
“เอ่อ คือว่า เอ่อ!”
“เจ้าไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรอะไรมากแล้ว!!!”
เฟ่ยเฟ่ยปิดประตูแล้วรีบวิ่งออกไปตามท่านแม่ทัพ ฮูหยินและท่านชาย สักพักทั้ง 5 คน ก็รีบมาที่ห้องของลู่ชิงอวี้ คนแรกที่เห็นเป็นลู่เหวินอวี้แฝดพี่ ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นลู่ ประจำกองทัพเหนือของแคว้นลู่ ติดกับแคว้นเว่ย
ตามมาด้วยคนที่สองแฝดรองลู่หยางอวี้ เพลย์บอยยุคนี้เลยก็ว่าได้ แต่จริง ๆ แล้วเบื้องหลังเขาคือเจ้าของหอประดับดาว หอหาข่าวกระจายข่าวที่ใหญ่ที่สุดในแคว้น
ส่วนอีกคนที่ตามมาคือบัณฑิตหน้าหวานลู่เทียนอวี้ ความเฉลียวฉลาดและการค้าขายต้องยกให้เขาร่ำรวยเป็นว่าเล่น ท่านแม่ทัพลู่กับ ฮูหยินก็ตามมาด้วย
“น้องสี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หิวแล้วหรือยัง? อยากกินอะไรไหม? อยากไปเที่ยวกับพี่หรือไม่? พี่ว่าไปดูการแข่งม้ากับพี่ดีกว่า?"
ทั้งสามถามน้องสาวเป็นว่าเล่น เอาใจอย่างสุด ๆ กลัวน้องสาวจะไม่รัก แต่หารู้ไม่ว่าฟานอวี้ในร่างลู่ชิงอวี้ถึงกับตกตะลึงกับหน้าตาของพวกพี่ชายของนาง
“ป๊าดโท้ ไม่! ไม่จริง ทำไมพระเจ้าใจร้ายแบบนี้นะ ให้ผู้ชายหน้าตาดีทั้งสามมาเป็นพี่ชายของฉันหมดนะ ทำไมมม!!!"
“เจ้าสี่เป็นยังไงบ้างแม่กับพ่อเป็นห่วงแทบแย่”
“ลูกหายแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ลูกอยากเรียนหมอ ฝังเข็ม ใช้สมุนไพรรักษาพิษ ท่านแม่อนุญาตให้ลูกไปเรียนกับท่านน้าเหมยอิงได้หรือไม่? ลูกอยากเป็นหมอเจ้าค่ะ นะท่านแม่นะ!”
“เจ้า!!!!”
แม่ทัพลู่ตกใจกับคำเอ่ยบอกของลูกสาวตัวเอง ที่กลัวทั้งเข็มกลัวทั้งเลือดจนเป็นลม ไม่อยากจะเชื่อ ไหนเลยอยากจะเป็นหมอรักษาคนป่วยกัน
“นะ! ท่านแม่ท่านพ่อนะ ให้ลูกเรียนหมอเถอะนะเจ้าค่ะ ท่านแม่ท่านพ่อ!!!”
ฟานอวี้ในร่างลู่ชิงอวี้ออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูและน่าสงสาร ทุกคนเห็นก็บาดใจ “ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยมารยาเด็กนี้แหล่ะว่ะ!!!”
“ถ้าน้องสี่อยากเรียน ก็ให้เรียนเถอะขอรับท่านพ่อท่านแม่ น้องสี่อยากเป็นหมอเฉกเช่นท่านน้าเหมยอิง จะได้ทำประโยชน์ให้กับแคว้นลู่ด้วย แคว้นลู่ขาดแคลนหมออยู่พอดี มีแต่หมอหลวงในวังไม่ค่อยมีหมอที่อยากรักษาราษฎร์ชาวบ้านหรอกขอรับ ฮ่องเต้ก็กังวลพระทัยอย่างมาก อยากให้ลูกขุนนางเรียนหมอบ้าง แต่ไม่มีใครอยากให้ลูกเรียนหมอ เอาแต่ผลักดันให้เรียนบัณฑิตเพื่อสอบจองหงวนกันทั้งนั้น”
ลู่เหวินอวี้สนับสนุนน้องสาว เพราะอาจจะเป็นประโยชน์ต่อแคว้น หากมีศึกสงครามทหารบาดเจ็บล้มป่วย ก็จะได้รักษาทันเวลา"
“ก็ได้ รอเจ้าหายดีก่อน ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ พ่อกับแม่จะส่งเจ้าไปอยู่กับท่านน้าเหมยอิงที่แคว้นเหลียง”
แม่ทัพลู่อวี้อ่อนใจกับพวกลูกชาย ๆ ของตน ที่เอาแต่ตามใจน้องสาว จนนางเอาแต่ใจอยู่เรื่อยมา
“เย้!!! ข้ารักท่านพ่อท่านแม่ที่สุด”
ฟานอวี้หอมแก้มท่านพ่อและท่านแม่ ทำให้สองท่านยิ้มหน้าบาน ส่วนพวกพี่ชายนะหรือ! ทำตาเขียวปัดแบบไม่พอใจ
“หอมพี่ด้วยสิ น้องพี่” ลู่หยางอวี้เตือนน้องตามด้วยลู่เทียนอวี้
“พี่ด้วย”
“ข้าจะหอมทุกท่านเลย อิอิอิ!!!”
ฟานอวี้เขินอาย แต่ก็หอมแก้มพี่ชายทุกคน พวกเขายิ้มหน้าบานหลงรักน้องสาวคนสุดท้องอย่างที่สุ๊ดดดด!!! หากมีบุรุษหน้าไหนปรารถนาตามเกี้ยวน้องสาวของพวกเขา อย่าหวังว่าจะสมปรารถนา ข้ามศพพวกข้าไปก่อนเถอะ!!!
โดยเฉพาะลู่เหวินอวี้แม่ทัพใหญ่ ประจำการกองทัพเหนือ ที่เชี่ยวชาญด้านวรยุทธ์ ด้านยุทธศาสตร์การทหาร และด้านกลยุทธ์ศึกสงคราม แม้แต่อ๋องซือเจิ้ง ท่านอ๋องห้าแห่งแคว้นเว่ย ยังต้องเกรงใจพอสมควร