ฉันชื่อเจียงอี้หนาน ฉันเคยเป็นดาวมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ฉันเป็นแม่ศรีเรือนที่ทั้งน่าเกลียดและอ้วนที่แต่งงานมาสามปีแล้ว สามีของฉันรู้ว่าฉันท้องลูกเขา แต่จงใจเตะท้องของฉันทำให้ฉันแท้ง เพียงเพราะเขามีชู้ที่ร่ำรวยและต้องการแต่งงานกับหล่อนเพื่อได้รับทรัพย์สินของหล่อน ฉันขอความช่วยเหลือจากคุณเว่ย เว่ยหนานเซิง ด้วยความเกลียดชังและความสิ้นหวัง เว่ยหนานเซิงเป็นคนเดียวในเมืองนี้ที่แข็งแกร่งพอที่จะแก้แค้นให้ฉันได้ ถ้าเขาสามารถช่วยฉันได้ ฉันยินดีที่จะมอบทุกอย่างของฉันให้เขา แต่เขาไม่ต้องการชีวิตของฉันหรือเงินของฉัน สิ่งที่ทําให้ฉันประหลาดใจคือเขาขอให้ฉันช่วยเขาอย่างหนึ่ง ได้แก่ เป็นแฟนของเขา "ผมจะช่วยคุณแก้แค้น ชีวิตของคุณเป็นของผม ถ้าวันหนึ่งมีคนยิงผม คุณต้องรับกระสุนแทนผม เข้าใจไหม"
เขาเตะรองเท้าหนังมันเงาเข้าตรงท้องฉันที่กำลังตั้งครรภ์อยู่อย่างแรง ฉันล้มลงกับพื้น กุมท้องตัวเองและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เลือดอุ่นๆเริ่มซึมเต็มกางเกงของฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสิ้นหวัง สีหน้าของเขาเฉยชาไร้อารมณ์และไร้ซึ่งความสำนึกผิดใด ๆ
ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับผู้ชายคนนี้
ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดว่าการมีเขาอยู่เคียงข้างหมายถึงการได้ครอบครองโลกทั้งใบ พวกเราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน
แต่สุดท้ายฉันก็แค่เพ้อเจ้อไปเอง สิ่งเดียวที่ฉันได้รับกลับมามีแต่การแทงข้างหลังอย่างทุกข์ทรมาน
ปรากฎว่าเขาคบชู้มาตลอด หล่อนมีภูมิหลังร่ำรวยและมีอำนาจ
เพื่ออนาคตและความมั่งคั่ง เขากลับโยนฉันกับการแต่งงานของเราทิ้งลงทะเลโดยไม่นึกลังเล
ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ได้เสียน้ำตาให้กับเขา ฉันทำเพียงจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา ค้นดูว่ายังมีเศษเสี้ยวความเป็นคนหลงเหลืออยู่ในตัวเขาหรือไม่
บางทีเขาคงตกใจนิดหน่อยกับสายตาเย็นชาของฉัน จากนั้นเขาก็กระชากคอเสื้อฉันไว้
"ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น ฟังฉันนะ เจียงอี้หนาน! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ล้วนแต่เป็นความผิดของเธอ ดูตัวเองสิ เธออ้วนเหมือนหมู แถมเรื่องเซ็กส์ยังไม่รู้ประสาเลยด้วยซ้ำ! นอกจากทำอาหารเป็นแล้วยังทำอะไรได้อีก?”
“ฉันบอกให้ไปทำแท้งซะ ทำไมเธอถึงไม่ทำ”
“เป็นความผิดเธอทั้งหมดนั่นแหละ!”
หลังจากคำรามกรรโชกใส่ฉันจบ เขาก็เหวี่ยงฉันลงกับพื้นอย่างแรง
เขาดูเหมือนจะยังไม่พอใจแค่นั้นและเอาแต่เตะท้องฉันต่อ ท้องฉันปวดจนชาไปหมดแล้ว
"โอ้..."
ฉันสูดหายใจเข้าลึก หัวใจและร่างกายสั่นสะท้านจากความเจ็บปวด
ฉันตกต่ำถึงที่สุดแล้ว และความสิ้นหวังก็กลายเป็นความเกลียดชัง
ฉันกัดฟันลุกยืนด้วยพละกำลังที่ไม่อาจพรรณนาออกมาได้
ฉันจับจ้องไปทางผู้ชายที่ฉันเคยรักมาหลายปีอย่างใจเย็น
ฉันพูดกับเขา "เฉินหราน ฟังคำพูดของฉันไว้ คุณทำอะไรก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น ความยุติธรรมจะมาหาคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
"ฉันขอสาบาน ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่"
พอฉันพูดจบก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรไหลลงมาตามต้นขา
ฉันรู้ว่านั่นคือลูกของฉัน
ฉันลากร่างเปื้อนเลือดไปที่ประตูด้วยสีหน้าซีดเซียว
ก่อนที่ฉันจะทันได้เดินไปไกลกว่านั้น เฉินหรานก็คว้าแขนฉันไว้แน่น
“เจียงอี้หนาน ฉันขอเตือนเธอไว้ อยู่ให้ห่างจากฉัน ถ้าเธอกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ก็อย่ามาโทษกันถ้าฉันทำอะไรลงไป อย่าลืมว่าเธอยังมีน้องสาวพิกลพิการอยู่อีกคน"
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในเวลาแบบนี้เขาจะเอาน้องสาวฉันมาข่มขู่ฉัน
ฉันหันกลับมาช้า ๆ นัยน์ตาแดงก่ำ
ถึงอย่างไรฉันก็ยังคงยิ้มได้อยู่
"อ้อ งั้นเหรอ มาดูกันว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย"
ฉันฝืนสะบัดมือเฉินหรานทิ้ง และออกจากบ้านที่ฉันเคยมีทุกอย่างแต่ต้องยอมสละทิ้งทั้งหมดด้วยใบหน้าเชิดสูง
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ฉันยืนอยู่นอกห้องส่วนตัวห้องหนึ่งในบาร์ เมื่อมองไปยังเงาสะท้อนในประตูสีทองก็พบว่าตอนนี้แม้แต่ร่างกายของฉันก็ไร้ค่า
อย่างไรฉันก็ยังต้องลองดู ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาคนมาคอยสนับสนุนฉันให้ได้ อย่างไรเสียตระกูลหลินก็ทรงพลังเกินไป และแม่ศรีเรือนที่ถูกทอดทิ้งอย่างฉันก็ไม่มีทางสู้เฉินหรานในตอนนี้ได้
นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ มาเพื่ออ้อนวอนชายคนหนึ่งในเมืองกาวิลลา ชายผู้ซึ่งไม่ได้ถูกตระกูลลอว์สันกดข่ม
ชื่อของเขาคือเว่ยหนานเซิง แต่คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่าคุณเว่ย
ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่จากที่ได้ยินมา คุณเว่ยเป็นผู้ชายประเภทที่ต่อให้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ดึงดูดความสนใจคุณได้
หลังจากตั้งสติได้ ฉันก็ผลักประตูเข้าไป
ห้องกว้างเต็มไปด้วยควัน ดนตรีเสียงดังสนั่น แอลกอฮอล์ และผู้หญิงสวย ๆ นี่เป็นภาพฉากหรูหรามีระดับ
แต่ฉันกลับสวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง ดูไม่เข้าพวกสุด ๆ
ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในห้องก็เห็นชายที่มีท่าทางเย็นชากำลังถูกบรรดาสาวสวยรายล้อม ฉันเข้าใจแล้วว่าการที่คุณว่ยสามารถดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้นั้นหมายความว่าอย่างไร
แม้ว่ารอบข้างจะอึกทึกคึกโครม เขากลับนั่งอยู่บนโซฟาราวกับราชาบนบัลลังก์ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว คอเสื้อเปิดออกกว้าง ทั้งตัวปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็น
เขานั่งไขว่ห้าง มือหนึ่งถือบุหรี่ในขณะที่อีกมือโอบเอวหญิงสาวคนหนึ่งไว้
แม้ว่าบนใบหน้าของเขาจะมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาและไร้ความรู้สึก
“คุณเว่ย...”
ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อพยายามพูดคุยกับเขา
แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้พูดอะไร ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาฉัน
“คุณผู้หญิง ไม่ใช่ว่าเธอควรจะอยู่ทำความสะอาดพื้นข้างนอกนั่นหรอกเหรอ? ใครให้เธอเข้ามาในนี้น่ะ? ออกไปซะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองฉันด้วยความรังเกียจไม่ต่างจากมองขยะชิ้นหนึ่ง
คำพูดของเธอเรียกความสนใจของทุกคน
สายตาของพวกเขาจับจ้องมาที่ฉัน รวมทั้งสายตาของคุณเว่ยก็ด้วย
ฉันก้าวถอยหลังอย่างเก้อเขิน แต่ไหน ๆ ก็อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างฉันก็ออกไปไม่ได้
ฉันสงบสติอารมณ์ลงและสบกับสายตาที่เย็นชาและเฉียบคมของคุณเว่ย
"ฉัน...ฉันไม่ใช่คนทำความสะอาด ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาคุณเว่ย"
เกิดความเงียบขึ้นหลายวินาที
ครู่ต่อมา ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น
“คุณผู้หญิง เธอเพิ่งบอกว่าเธอมาที่นี่เพื่อพบคุณเว่ยใช่ไหม ตลกชะมัด! ทำไมเธอไม่ลองดูตัวเองในกระจกสักหน่อยล่ะ เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะคุยกับคุณเว่ยเหรอ?”
"ใช่ คุณผู้หญิง ออกไปจากที่นี่ซะ คุณเว่ยไม่มีเวลาคุยกับยายแก่อย่างเธอ"
ฉันพูดไม่ออก
ฉันถูกเด็กสาวเหล่านี้ทำให้อับอายขายหน้า
ขณะที่ความวุ่นวายดำเนินไป คุณเว่ยกลับนั่งอยู่บนบัลลังก์เงียบ ๆ และสูบบุหรี่อย่างผ่อนคลาย
ในดวงตาของเขาฉายแววอารมณ์ที่ฉันอ่านไม่ออก
เขากำลังยิ้ม? หรือไม่ได้ยิ้ม? ฉันไม่มั่นใจ
“คุณเว่ย!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังทำให้ฉันขายหน้า ฉันก็ตะโกนเสียงดัง ตอนนั้นก็มีชายสองคนมาลากฉันออกจากห้อง
ฉันดิ้นรนสุดกำลังและกรีดร้องเต็มที่
"คุณเว่ย ตราบใดที่คุณเต็มใจช่วยฉัน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ฉันจะสละชีวิตเพื่อคุณ คุณเว่ย..."
ก่อนที่ฉันจะทันได้พูดจบก็ถูกลากออกจากห้องไปแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น รปภ.ยังวิ่งเข้ามาคว้าแขนฉันไว้อีก สิ่งต่อมาที่รับรู้ก็คือฉันถูกโยนออกจากบาร์เรียบร้อย
ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นใต้แสงพร่างพราว สายลมหนาวในฤดูใบไม้ร่วงพัดปะทะใบหน้าของฉัน ในที่สุดฉันก็ได้สติ
ฉันคาดหวังอะไร? คนอย่างคุณเว่ยที่มีทุกอย่างในชีวิตจะมาต้องการสิ่งไร้ค่าอย่างชีวิตของฉันหรือ?
เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันถึงได้จะไปขอความช่วยเหลือจากเขา? ฉันมันไร้เดียงสาสิ้นดี!
ฉันกอดเข่าแน่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ฉันบอกไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เมื่อฉันเช็ดน้ำตาและเงยหน้าเพื่อลุกยืนก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ขาของเขาเรียวยาว แขนที่วางแนบลำตัวกำลังถือบุหรี่อยู่
“สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ยังเป็นผลอยู่ไหม ถ้าฉันแค่ช่วยเธอแล้วเธอจะยอมสละชีวิตเพื่อฉันจริง ๆ เหรอ?”