เธอซึ่งเป็นหมอเทวดามือฉมังสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊อันยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ถึงกับทะลุมิติมายังราชวงศ์เป่ยหมิงอ๋อง ทั้งยังกลายเป็นสาวอัปลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนรังเกียจจนอยากจะอาเจียน ตอนนี้นางเป็นหมากของบิดาและฮ่องเต้ ถูกยัดใส่เกี้ยวแต่งงานส่งไปที่จวนอ๋องของเจียงอู๋วั่ง ซึ่งเป็นอ๋องพิการ ให้เป็นเครื่องมือสร้างความอับอายให้กับเจียงอู๋วั่ง โชคดีที่แหวนอวกาศของนางก็ทะลุมิติมาที่นี่ด้วย! ในแหวนมียาสมุนไพร อาวุธ กระสุนและสิ่งจำเป็นที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ไม่น้อย นางมีทุกอย่าง! เฮ้ ด้วยของวิเศษเช่นนี้ นางจะกลัวอะไรอีก จ้านอ๋องผู้พิการนั่น ไหนเล่ากันว่าไม่ชอบผู้หญิงใกล้ตัว ทำไมมายุ่งกับนางทุกวันเลย
"คุณหนู คุณหนูท่านช่างตายได้น่าเวทนาเหลือเกิน!"
"เจ้าบอกว่าตายก็ตายแล้วรึ แล้วจะให้เราอธิบายกับท่านโหวและท่านอ๋องจ้านอย่างไรเล่า! วันมหามงคลเช่นนี้ ไฉนถึงโชคร้ายนัก!"
เสียงร้องไห้โหยหวนทำให้หัวสมองของซ่งหวานหว่านแทบระเบิด เธอเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาด้วยความยากลำบาก สิ่งที่เข้าสู่ครรลองสายตาคือใบหน้าขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งที่แต่งหน้าเสียจนหนาเตอะ
แย่แล้ว ตกใจแทบตายแน่ะ!
เธอยกมือขึ้นแล้วพูดว่า "เลิกโวยวายได้แล้ว ออกไปห่างๆ หน่อย!"
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา เสียงร้องไห้ภายในห้องก็หยุดชะงักลงทันควัน บรรดาสาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสที่กำลังจับเธอเขย่าไปมากลุ่มนั้น พากันถอยห่างออกมาในชั่วพริบตา ราวกับว่าพวกเขากำลังหนีตายจากโรคระบาดก็มิปาน
ซ่งหวานหว่านถูกพวกนางโยนทิ้งจนก้นระบมไปหมด
เธอเจ็บจนต้องกัดฟันสูดปาก เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ก็มีเครื่องงุนงงใหญ่เลย
นี่ นี่ นี่ นี่เธออยู่ที่ไหนกัน
ห้องที่มีกลิ่นอายโบราณแบบนี้ เธอหลุดมาอยู่ที่ไหนกัน แล้วคนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้านี้อีก ทำไมพวกเขาถึงใส่ชุดโบราณกันหมด กำลังถ่ายทำละครกันอยู่เหรอ
ขณะที่เธอกำลังตกใจอยู่นั้น จู่ๆ สมองพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา และความทรงจำแปลกๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ
เธอซ่งหวานหว่าน ได้ทะลุมิติเข้ามาอย่างเป็นทางการ!
เนื่องจากถูกฟ้าผ่าขณะข้ามถนนในวันที่ฝนตก เธอซึ่งเป็นหมอเทวดามือฉมังสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊อันยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ถึงกับทะลุมิติมายังราชวงศ์เป่ยหมิงอ๋องบ้าบออะไรนี่ ทั้งยังกลายเป็นสาวอัปลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนรังเกียจจนอยากจะอาเจียน!
เจ้าของร่างเดิมถึงขนาดมีชื่อแซ่เดียวกันกับเธอ หรือที่เรียกกันว่าซ่งหวานหว่าน และนางยังเป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของเยียนซานโหวนามว่าซ่งเว่ยหลิงผู้สง่างามอีกด้วย ถึงนางจะมีสถานะสูงศักดิ์ แต่กลับมีรอยด่างสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าตั้งแต่วัยเยาว์ ช่างดูอัปลักษณ์หาใดเปรียบ น่าเกลียดน่ากลัวอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่ขบขันจากทุกคนในราชวงศ์เป่ยหมิงอ๋อง เพื่อทำให้จ้านอ๋องที่มีนามว่าเจียงอู๋วั่งอับอาย ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้นางแต่งงานกับเขา
ทว่าคนที่เจ้าของร่างเดิมหลงรักคือองค์รัชทายาทเจียงอวี้หนิง ดังนั้นในวันแต่งงาน นางจึงแขวนคอตายในห้องหอ
นับตั้งแต่นั้นซ่งหวานหว่านผู้โชคร้าย จึงต้องอาศัยร่างของนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
"ผี...ผีหลอก?"
"กรี๊ดดดดด ผีหลอก!" เหล่าสาวใช้และหมัวมัวเห็นนางก็พากันกรีดร้องเสียงดังไม่หยุด
ทว่าสาวใช้รุ่นเล็กในชุดเรียบง่ายที่อยู่ด้านข้าง กลับเดินเข้ามาหาพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ "คุณหนู? ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ ท่านทำให้เสี่ยวชิงตกใจแทบตายแล้ว! ฮือฮือฮือ!"
ซ่งหวานหว่านจำได้ว่านี่คือเสี่ยวชิงสาวใช้ส่วนตัวของเจ้าของร่างเดิม ครั้นเห็นนางร้องไห้อย่างน่าสังเวช ซ่งหวานหว่านก็โบกมือแล้วกล่าวว่า "นี่ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว!"
เจ้าของร่างเดิมคงไม่กลับมาแน่นอนแล้ว นางต้องอาศัยฐานะของเจ้าของร่างเดิมมีชีวิตอยู่ต่อไป และจะปฏิบัติต่อคนข้างกายของเจ้าของร่างเดิมด้วยความกรุณา
"คุณหนู? ท่านไม่เป็นไรแล้วจริงๆ หรือ"
หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ตาสว่างวาบ "เร็วเข้า ทุกคน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนู! ใกล้ถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวแล้ว หากทำให้การณ์ใหญ่ล่าช้า ระวังจะแบกรับไม่ไหว!"
ครั้นทุกคนได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก พากันเดินขึ้นหน้ากดซ่งหวานหว่านเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงาน
"เอ๋? พวกเจ้า...พวกเจ้าอย่าแตะต้องข้านะ!"
"คุณหนูใหญ่ ในเมื่อท่านยังไม่ตาย ก็ควรแต่งไปที่จวนจ้านอ๋องเสียแต่โดยดีเถิด! นี่คือพระราชโองการของฝ่าบาทเชียวนะ!"
"แม้ท่านอ๋องจ้านจะไม่ทรงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท ทั้งยังพิการ แต่เขาก็ยังเป็นถึงพระอนุชาของฝ่าบาท! ท่านได้แต่งงานกับเขา ถือเป็นความโชคดีใหญ่หลวงแล้วเจ้าค่ะ!"
"ต่อไปเมื่อท่านได้เป็นพระชายาจ้านอ๋องแล้ว ท่านต้องจดจำฐานะของตัวเองให้ดี อย่าได้ไปรบกวนองค์รัชทายาทอีก!"
...
ซ่งหวานหว่านจึงถูกบังคับให้เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วถูกยัดเข้าไปในเกี้ยวเจ้าสาวด้วยประการฉะนี้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจวนจ้านอ๋อง
"บ้าเอ๊ย..." นางเอนตัวพิงเกี้ยวด้วยความมึนงง รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาครามครัน
นี่มันเรือล่มในน้ำโคลนชัดๆ คนเหล่านี้อาศัยว่านางเพิ่งข้ามมิติมาร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี ถึงขั้นบังคับให้นางแต่งงาน! แถมพวกเขายังรู้สึกว่านางได้กำไรอย่างมากจากการได้แต่งงานกับท่านอ๋องจ้านอีกด้วย
นางน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ
ครั้นสัมผัสไปที่รอยด่างดำบนใบหน้า ในใจของซ่งหวานหว่านก็ด่าไปทั่ว
นางยกมือขึ้นเพื่อแตะชีพจรของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า "โรคตุ่มน้ำพอง? ลำบากหน่อย"
ในขณะที่กำลังคิดว่าจะรักษาอย่างไรดีนั้น เกี้ยวเจ้าสาวก็มาถึงด้านนอกจวนขององค์ชายหกจ้านอ๋องแล้ว
ทั้งๆ ที่เป็นวันมหามงคลแท้ๆ แต่ที่นี่กลับดูเงียบเหงาวังเวง ไม่มีบรรยากาศของการแต่งงานโดยสิ้นเชิง
องครักษ์ของจวนจ้านอ๋องยืนหลังเหยียดตรงอยู่หน้าประตูจวน แผ่กลิ่นอายฆ่าฟันออกมาอย่างรุนแรง
เมื่อพวกเขาเห็นเกี้ยวก็มิได้ทักทายปราศรัย กล่าวเพียงว่า "ท่านอ๋องมีสั่งไว้ไม่ให้เกี้ยวเข้าทางประตูหลัก แต่ให้เข้าทางประตูหลังแทน"
ในฐานะสาวใช้ติดตามเจ้าสาว เสี่ยวชิงกำลังคิดจะแสดงความไม่พอใจของตนออกมา แต่แม่สื่อกลับนำทุกคนไปยังประตูหลังแต่โดยดี
ล้อเล่นหรือไร นี่คือจวนจ้านอ๋องเชียวนะ! ใครกล้าอวดดีที่นี่กัน
เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามผ่านประตูหลังแคบๆ เข้าสู่สวนด้านหลังของจวนอ๋อง ทันทีที่แม่สื่อและคนหามเกี้ยววางเกี้ยวลง พวกเขาก็วิ่งราวกับกำลังหนีตายอย่างไรอย่างนั้น เหลือเพียงเสี่ยวชิงและเกี้ยวเจ้าสาวที่ยังหยุดอยู่ตรงที่เดิมอย่างโดดเดี่ยว
เสี่ยวชิงจวนจะถูกความโกรธทำให้ร้องไห้อยู่รอมร่อ พวกเขาทำกับคุณหนูแบบนี้ได้อย่างไรกัน
ซ่งหวานหว่านกลับไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวด้วยตัวเอง แล้วก้าวออกมาจากเกี้ยว
"คุณหนู ท่านลงมาเองไม่ได้นะเจ้าคะ ต้องรอให้ท่านอ๋องจ้านมาเตะเกี้ยวถึงจะลงมาได้…."
"รอไปทำไม พวกเราเข้ามาทางประตูหลัง เจ้ายังจะคาดหวังให้เขามาเตะเกี้ยวอีกหรือ" ซ่งหวานหว่านปัดๆ มืออย่างไม่สนใจ ก่อนจะมองสำรวจสวนด้านหลังของจวนอ๋องแห่งนี้
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจวนจ้านอ๋องแห่งนี้มีสง่าราศีเพียงใด ควรใช้คำสองคำว่า ’หรูหรา’ มาอธิบายถึงจะถูก
"ตายแล้ว นี่ใช่พี่สาวหวางเฟยที่เพิ่งแต่งเข้ามาหรือไม่ พี่สาว เหตุใดท่านจึงเข้ามาทางประตูหลังเล่า แล้วไม่รอท่านอ๋องมาเตะเกี้ยวก็ลงจากเกี้ยวแล้วหรือ นี่มันไร้กฎเกณฑ์เกินไปหน่อยหรือไม่ ช่างไร้การอบรมสั่งสอนเสียจริง!"
น้ำเสียงแหลมเสียดหูดังขึ้น พร้อมกับหญิงสาวอ่อนเยาว์ในอาภรณ์หรูหราสูงศักดิ์เดินนำอนุภรรยากลุ่มใหญ่เข้ามาโขยงหนึ่ง หลังจากคำนวณดูคร่าวๆ เกรงว่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคนเห็นจะได้
นี่เป็นการมาแสดงอำนาจกับนางสินะ!
โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมมีใบหน้านี้อยู่ในความทรงจำ นางคือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของซ่างซูแห่งกรมพิธีการนามว่าซูมู่เสวี่ย ถูกฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้กับจ้านอ๋องเจียงอู๋วั่งในฐานะเช่อเฟย
"ที่แท้ก็เป็นซูเช่อ~~เฟยนี่เอง"
ซ่งหวานหว่านจงใจลากเสียงให้ยาวขึ้น โดยเน้นคำว่า ’เช่อ’ เป็นหลัก เมื่อเห็นสีหน้าของซูมู่เสวี่ยเปลี่ยนไปทันควัน นางก็ยิ้มตาหยีกล่าวว่า "นี่ซูเช่อเฟยต้องการจะสอนกฎเกณฑ์ให้กับหวางเฟยอย่างข้าแล้วหรือ ซูเช่อเฟยช่างรู้กฎเกณฑ์ดีจริงๆ"
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ใบหน้าซูมู่เสวี่ยพลันชาดิก
เช่อเฟยสอนกฎเกณฑ์หวางเฟย? นี่มัน ’รู้กฎเกณฑ์’ ตรงไหนกัน นี่เท่ากับเป็นการต่อต้านสวรรค์ชัดๆ
ซ่งหวานหว่านไปเรียนคำพูดคำจาแปลกประหลาดมาจากที่ใดกัน
"เสี่ยวชิง ไหนเจ้าลองบอกมาซิ หวางเฟยอย่างข้าควรเรียนรู้กฎเกณฑ์จากซูเช่อเฟยอย่างไร" ซ่งหวานหว่านยิ้มตาหยีกล่าว
เสี่ยวชิงเก่งเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่ายใบหน้าเล็กแล้วกล่าวว่า "ทูลหวางเฟย แต่ไรมามีเพียงหวางเฟยที่สอนกฎเกณฑ์เช่อเฟยเพคะ ยังไม่เคยมีหลักการใดที่ให้เช่อเฟยสอนกฎเกณฑ์หวางเฟยมาก่อน นั่นเท่ากับเป็นการกระด้างกระเดื่องไม่เชื่อฟัง ไร้สัมมาคารวะเป็นอย่างยิ่งเพคะ"
"อย่างนั้นหรือ"
ซ่งหวานหว่านพูดจบ ใบหน้าก็ขรึมลงทันที "แสดงว่าบุตรสาวที่ใต้เท้าซูผู้เป็นถึงซ่างซูแห่งกรมพิธีการคลอดออกมา ที่แท้ก็เป็นพวกการกระด้างกระเดื่องไม่เชื่อฟัง ไร้สัมมาคารวะหรือนี่?!"
ซูมู่เสวี่ยสีหน้าพลันแดงก่ำ "เจ้า... เจ้ากล้าด่าข้าเชียวหรือ!"
"ข้าพูดผิดงั้นหรือ" ซ่งหวานหว่านเชิดคางขึ้นมองนาง "หวางเฟยอย่างข้าเพิ่งเข้าจวน เจ้าไม่เคารพข้าเต็มพิธีการ กลับพ่นวาจาหยาบคายออกมาแทน นี่ไม่เท่ากับเป็นการกระด้างกระเดื่องไม่เชื่อฟัง ไร้สัมมาคารวะหรอกหรือ"
"เจ้า...!" ซูมู่เสวี่ยร้อนใจ ครั้นเห็นว่าเจียงอู๋วั่งที่นั่งรถเข็นอยู่ไม่ไกลกำลังถูกองครักษ์เข็นเข้ามา ก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีก่อนจะทำท่าทางอ่อนแอน่าสงสารออกมา
"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่อยากอยู่แล้วเพคะ พี่สาวหวางเฟยทรงทำเกินไป พอเข้ามาจวนอ๋องก็สร้างความอับอายให้หม่อมฉันเสียแล้ว ฮือฮือ..."
ซ่งหวานหว่านหันไปมอง พริบตาที่เห็นเจียงอู๋วั่งก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
สวรรค์ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบุรุษที่หล่อเหลาขนาดนี้ ยังหล่อกว่าดาราไอดอลยุคหลังที่ใช้หน้าตาหากินเป็นพันเท่าด้วยซ้ำ!
ใบหน้าหล่อเหลา เงาร่างทะมัดทะแมง องคาพยพทั้งห้าสมบูรณ์แบบราวกับพระเจ้าตั้งใจแกะสลักออกมาอย่างวิจิตรบรรจง ภายใต้คิ้วรูปดาบ ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นคล้ายกับจะซ่อนความบ้าระห่ำอันลึกสุดหยั่งเอาไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ใครที่ได้เห็นเกิดความหวาดกลัว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายของเขา แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ยังคงมีกลิ่นอายสูงศักดิ์และเย่อหยิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดแผ่ออกมา เพียงมองแวบเดียวก็ทำให้คนหายใจไม่ออกได้
อุ๊ย นี่คือสามีฟรีของนางงั้นหรือ
ขณะที่ซ่งหวานหว่านกำลังจ้องมองเจียงอู๋วั่งอย่างกับหญิงบ้าผู้ชายอยู่นั้น ดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเจียงอู๋วั่งก็มาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนางเช่นกัน
ริมฝีปากบางแย้มออกเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "มากเกินไปจริงๆ สมควรถูกลงโทษ!"