เฟิ่งซู่หน่วน หมอหญิงอัจฉริยะชื่อดังในยุคปัจจุบันที่ข้ามภพมาเป็นคุณหนูผู้โง่เขลาแห่งตระกูลอัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นต้าหลี ไม่เพียงถูกถอนหมั้นในวันแต่งงานเท่านั้น ยังเกือบถูกพี่สาวต่างมารดาข่มเหงรังแกจนเสียชีวิต เธอสาบานว่าจะแก้แค้นและเอาชนะทุกคนที่เคยรังแกเธอ ดังนั้นเธอจึงแกล้งทําเป็นโง่และเดินบนเส้นทางของการโต้กลับ! สําหรับ จิ่นอ๋อง ผู้เป็นสามีที่รังเกียจเธอคนนั้น แน่นอนว่าเธอไม่สนใจแล้ว แต่ผู้ชายที่น่ารําคาญคนนี้ทําไมปากถึงรังเกียจเธอ แต่ร่างกายกลับยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังหน้าแดงเป็นครั้งคราวด้วย
ณ ปีที่ 109 แห่งรัชสมัยต้าหลี่
'กงเฉิง' จิ่นอ๋องทำศึกรวบรวมแผ่นดินเหนือจรดใต้เข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ทหารทั้งหมดในกองทัพเดินทางจากทิศเหนือมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ เหล่าทหารกล้าได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เมื่อกรีฑาทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ
ในบรรดาขบวนทัพอันเกรียงไกร ปรากฏความโดดเด่นของเกี้ยวแบบแปดคนหามซึ่งด้านในมีสตรีนางหนึ่งประทับอยู่คือ 'เฟิ่งซู่หน่วน' พระชายาของจิ่นอ๋อง
บนขั้นบันไดหน้าพระราชวัง ร่างสูงใหญ่ของกงเฉิงสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเหลือบไปเห็นที่เกี้ยว เมื่อพบว่าพระชายาจิ่นอ๋องกำลังมองดูเขาแล้วยิ้มเยาะไร้สาระ กงเฉิงยังคงตัวสั่นจนผู้ติดตามอย่างอาจิ่วรีบโค้งคำนับทันทีด้วยความสนิทสนม
“ท่านอ๋อง?”
“อาจิ่ว ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่รือไม่? นั่น… หญิงที่นั่งอยู่ในเกี้ยวหงส์ทองต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้และไทเฮา คือนางเด็กโง่ลูกสาวคนสามของจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างนั้นรึ ”
เจิ้นกั๋วกง เป็นตำแหน่งสูงที่ขุนนางจะได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ
อาจิ่วถึงกับเหงื่อตก...
“ขอรับ” เขากล้ายอมรับ ว่าท่านอ๋องของเขาคงลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าตนคือคนที่มีครอบครัวแล้ว
ตอนนี้ คงจะนึกขึ้นได้แล้วสินะ
ใบหน้าหล่อของจิ่นอ๋องกงเฉิงเต็มไปด้วยความสงสัย เขาขมวดคิ้วและถาม “ทําไมนางถึงอยู่ที่นี่?”
อาจิ่ว “…”
เขาจะกล้าบอกหรือ เขาพูดได้หรือ ถ้าเขาพูดแล้วท่านอ๋องจะมาถลกหนังเขาหรือไม่
เพราะอาจิ่วสมรู้ร่วมคิดกับไทเฮาจัดงานอภิเษกสมรสครั้งใหญ่เพื่อขจัดความอัปมงคลให้กับท่านอ๋องของเขาในตอนที่ท่านอ๋องเป็นตายเท่ากัน
“อย่างไร?” เมื่อไม่ได้รับคำตอบนานเกินไป จิ่นอ๋องก็หันมาตวาดอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ
“เรียนท่านอ๋องขอรับ นางคือพระชายาของท่าน พอท่านอ๋องกลับมาจากศึกด้วยชัยชนะ นางก็ต้องออกมาต้อนรับเป็นธรรมดา” อาจิ่วพูดไปโดยไม่กล้าลืมตามามองผู้เป็นนาย
ในบรรยากาศที่ลมหนาวกระโชกแรง ความเงียบสงัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อาจิ่ว เจ้าคิดหรือไม่ว่าชีวิตของเจ้ามันอยู่บนโลกนี้มานานเกินไปแล้ว!” กงเฉิงกัดฟันพูดด้วยความโกรธ
นั่นยิ่งทำให้อาจิ่วกลัวจนทำอะไรไม่ถูก...
“เป็นท่านที่บังคับให้ข้าต้องพูดเลย”
“ข้าสั่งให้เจ้าปฏิเสธไทเฮาไปแล้วมิใช่รึ เหตุใดยังเกิดเรื่องเช่นนี้” กงเฉิงร้อนรุ่มดั่งมีไฟสุมทรวงจวนจะปะทุออกมา รูม่านตาที่เหมือนนกอินทรีของเขาบัดนี้แดงดั่งไฟพิโรธ
เขาจำได้ว่า วันนั้นเขาถูกผู้ร้ายโจมตีอย่างหนัก ร่างกายโดนยาพิษ ชีวิตเป็นตายเท่ากัน ในตอนที่อาจิ่วมาขอความเห็นหน้าเตียงคนป่วย แม้ว่าเขาจะสับสน แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอไร้สาระของไทเฮาไปแล้วอย่างเด็ดขาด
“ท่านอ๋อง ข้าได้ทูลองค์ไทเฮาในสิ่งที่ท่านคิดไปแล้ว แต่พระนางยังคงยืนกรานในวิธีนี้” อาจิ่วพูดไปร้องไห้ไป อำนาจทรงพลังสามารถบดขยี้ผู้คนจนตายได้
ความจริงก็คือ ในวันนั้นจิ่นอ๋องอยู่ในพระอาการประชวรหนัก อาจิ่วก็ตกใจแทบสิ้นสติ ไทเฮาแนะนำให้พาบุตรสาวคนที่สามของครอบครัวเจิ้นกั๋วกงมาร่วมพิธีอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องเพื่อนำความโชคดี อาจิ่วแม้ไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่ไทเฮากล่าวว่านางเด็กโง่นั่นกับฮ่องเต้มีดวงชะตาสมพงษ์กัน นางคือตัวนำโชคของท่านอ๋อง อาจิ่วยืนอยู่ข้างองค์ไทเฮาอย่างเต็มที่ ไทเฮาจึงสั่งให้อาจิ่วนำฉลองพระองค์ส่งกลับไป และเขาก็ทำตามนั้น
ไม่เช่นนั้นวันนั้นจะมีเจ้าบ่าวที่สวมชุดของท่านอ๋องได้อย่างไร?
กงเฉิงใช้เวลาอยู่นานที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ยอมรับเรื่องราวไร้สาระเช่นนี้ เขาจ้องไปที่พระชายาอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
คนบ้าอะไร แต่งตัวยั่วเพศ สวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด ทำหน้าตาอาลัยอาวรณ์ราวกับขาดผู้ชายไม่ได้ แววตาเศร้าซึม ไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
น่าเสียดายที่นางมีใบหน้าที่สวยจับใจ
แผ่รังสีอำมหิตออกมาจากดวงตาของกงเฉิง
“อาจิ่ว!!”
“ขอรับ ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ”
“อาจิ่ว อีกประเดี๋ยวเมื่อกลับไปถึงจวน เจ้าจับนางมัดไว้ แล้วหาพ่อค้านำนางไปขาย จำไว้ ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ให้นางหาทางกลับมาไม่ถูกอีกเลย” ดวงตาของเขาที่ส่อแววประชดประชัน เขาสู้อุตส่าห์ออกรบในศึกสงครามมาแทบตาย แต่ผลประโยชน์ทั้งหมดกลับตกไปอยู่ในมือคนโง่เสียได้
อาจิ่วตกใจมาก แย้งด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้จริง ๆ จะดีจะชั่วนางก็เข้าพิธีอภิเษกสมรสเป็นพระชายาของท่าน นั่งเกี้ยวหงส์แปดคนหามเข้ามาในจวนอย่างถูกต้องตามประเพณี หากท่านอ๋องวางแผนสังหารพระชายาตัวเองจะยิ่งทำให้ผู้คนใจสลาย”
“พระชายาของข้างั้นรึ” กงเฉิงพยายามจะคุมเสียงตัวเองให้นิ่ง
“ขอรับ”
“เข้าพิธีอภิเษกสมรสอย่างถูกต้องตามประเพณี?”
“ขอรับ”
“นั่งเกี้ยวหงส์แปดคนหามเข้ามาในจวน?”
“ขอรับ”
“ก็วันนั้นข้าไม่อยู่ นางไปอภิเษกกับใคร” กงเฉิงถามอย่างสบาย ๆ
“ได้ยินมาว่า… เป็นไก่โต้งนะขอรับ”
นิ้วเรียวของกงเฉิงขยับให้เสื้อผ้าของเขาที่ปลิวไปตามสายลม "แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับข้า"
อาจิ่วกัดฟันพูดด้วยความกล้าหาญ “แต่ไก่โต้งตัวนั้นดันสวมฉลองพระองค์ของท่านอ๋อง และมีชื่อของท่านอ๋องปักอยู่”
…...
เวลาผ่านไปนานพอควร บรรยากาศตอนนี้ถูกรังสีอำมหิตอันเย็นยะเยือกของกงเฉิงแผ่กระจายไปทั่วจนคนรอบข้างหวาดกลัว
“อาจิ่ว ทำไมเจ้าไม่ไปตายเสีย” เสียงของกงเฉิงกดต่ำราวกับราชสีห์ที่โกรธจัด
ให้ตายเถอะ คนอย่างเขากงเฉิงมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ จะมาถูกจับให้มาแต่งงานกับนางเด็กโง่นั่นได้อย่างไร
เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
อาจิ่วย่อตัวจนแทบทรุดลงกับพื้น ราวกับหวังจะให้ตนแทรกแผ่นดินหนีไปได้
“ท่านอ๋อง องค์ไทเฮาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ขอรับ...” อาจิ่วรู้สึกผิด
โล่ชั้นดีอย่างองค์ไทเฮาที่เคยอยู่ยงคงกระพันเมื่อใช้อ้างกับท่านอ๋อง บัดนี้ใช้ไม่ได้เสียแล้ว
“เจ้าเลือกมา จะขายนางหรือขายเจ้า” กงเฉิงพูดคำที่รุนแรง ใบหน้าของเขาอ่อนลงแล้วเขาก็ก้าวไปข้างหน้า
ใบหน้าของเขาอ่อนลงแล้วเขาก็ก้าวไปข้างหน้า แน่นอนว่าอาจิ่วแล้วไม่กล้าขายเฟิ่งซู่หน่วน แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านอ๋องของเขา หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ ในที่สุดเขาก็มีความคิดที่ยอดเยี่ยม ก็คือ ปล่อยให้เฟิ่งซู่หน่วนกลับบ้านไปเยี่ยมญาติของนาง
ณ จวนเจิ้นกั๋วกง
ทันทีที่เฟิ่งซู่หน่วนลงจากเกี้ยวและหันไปเห็นว่าเป็นครอบครัวทางฝ่ายบ้านของนาง นางก็หยุดชะงักและหันกลับไปกอดรถม้าแน่น พึมพำออกมาว่า "ข้าไม่ไป ข้าจะไม่กลับไป ข้าเป็นชายาของจิ่นอ๋อง และคืนนี้ข้าจะร่วมพระที่กับจิ่นอ๋อง!"
อาจิ่วเหงื่อแตกรู้สึกผิดต่อท่านอ๋องเป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ชายที่สง่างามอย่างจิ่นอ๋องของเขาต้องมาแต่งงานกับคนโง่เช่นนี้ ช่างไม่เหมาะสมกันเสียเลย
เมื่อเจิ้นกั๋วกงและภรรยาได้ยินว่าจิ่นอ๋องส่งเฟิ่งซู่หน่วนกลับมา ก็ไม่รีรอออกมารับ แต่รีบร้อนมาถึงก็เห็นฉากนี้แล้ว
เจิ้นกั๋วกงเฟิ่งก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า หันไปพูดกับภรรยาว่า "ทำไมหล่อนไม่ให้คนมารับนางกลับล่ะ?"
“เจ้าค่ะ” นายหญิงหันไปขยิบตาให้สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จิงหวู่และเตี่ยซือก้าวรีบเดินไปจับมือของเฟิ่งซู่หน่วนแล้วลากคุณหนูสามเข้าไปในจวนทันที
เฟิ่งซู่หน่วนตะโกน“ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับท่านอ๋อง พระองค์เป็นสวามีของข้า และข้าก็เป็นพระชายาของพระองค์——”
อาจิ่วเลิกคิ้วและโค้งคำนับให้ท่านชายอย่างรวดเร็ว "ใต้เท้า ท่านอ๋องทรงสั่งให้ข้ามาส่งว่าที่พระชายาให้กลับมาพักที่นี่สักระยะหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงจัดการเรื่องต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว จะทรงกลับมารับนางด้วยองค์เอง "
เขาเน้นคำว่า "ด้วยองค์เอง" เป็นพิเศษเพราะเขากลัวว่าใต้เท้าเฟิ่งจะสับสนและส่งพระชายากลับไปอีก มาถึงตรงนี้ท่านอ๋องของเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
เจิ้นกั๋วกงจะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร ท่านอ๋องจิ่นเป็นคนแบบไหนกัน ผู้ชายที่ภาคภูมิใจในความสามารถของเขาตน สร้างวีรกรรมมากมายนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถควบคุมเขาได้
ถ้าเขาไม่ต้องการแต่งงาน ต่อให้พระราชมารดาจะจัดการเอง มันก็คงไม่มีประโยชน์ นี่ไง เเขาจะถอนหมั้นงั้นเหรอ?